ชัยภูมิเอาจริง ขึ้นทะเบียนโซนห้ามเผาทุ่งข้าวโพด

หลังเกิดสถานการณ์มีผู้เผาทุ่งนา ไร่ข้าวโพด ตามหมู่บ้านในหลายพื้นที่จนเกิดความเสียหายเกิดไฟลุกลามขยายวงไปทั่วจนเกิดเหตุเพลิงลุกลามสร้างความเสียหายให้ผืนป่า และลุกลามไหม้บ้านเรือนราษฎรเสียหายมาต่อเนื่องในช่วงนี้
จนล่าสุดจนมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหายถูกเพลิงลุกลามไหม้บ้านเสียหายไปทั้งหลังมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาไปแล้วกว่า 3 ราย/หลังในเขตพื้นที่ต.ชีลอง ,หนองนาแซง และต.บุ่งคล้า อ.เมืองชัยภูมิ เนื่องจากสภาพอากาศแห้งร้อนจัดและมีลมกรรโชกแรงในทุกพื้นที่เป็นเหตุให้เพลิงลุกลามได้ง่ายรวดเร็วบ่อยครั้งจนคุมไม่อยู่สร้างความเสียหายต่อสภาพอากาศและทรัพย์สินประชาชนอีกจำนวนมากบ่อยครั้งในหลายพื้นที่ไม่หยุด
ซึ่งล่าสุดทางหน่วยงานเทศบาลตำบลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว เขตอ.เมืองชัยภูมิ โดยนายสันชัยพรมสิทธิ์นายกเทศบาลตำบลบ้านค่ายฯ พร้อมด้วยพ.ต.อ.วัฒนชัยจันทาทุม ผกก.สภ.บ้านค่าย ได้รับแจ้งเหตุเกิดเพลิงไหม้ทุ่งนา และไร่ข้าวโพดในพื้นที่จนสร้างความเดือดร้อนและหวิดสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่บ่อยครั้ง ซึ่งต้องนำรถน้ำออกไปช่วยระงับเหตุมาต่อเนื่องตลอดไม่ขาดสายบ่อยครั้งมากในช่วงนี้

จึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการช่วยกันป้องกันและสร้างความเข้าใจกับคนในชุมชนให้ช่วยกันเข้มงวดในกรณีที่ใครคิดที่จะเผาทุ่งนา และไร่ข้าวโพด ให้มากขึ้น ซึ่งในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลบ้านค่าย มีประชาชนที่ยึดอาชีพปลูกข้าวโพดเพื่อนำมาต้มจำหน่ายข้างทางตลอดช่วงผ่านตำบลบ้านค่าย ริมถนนทางหลวงหมายเลข 201 ยาวไปถึงเขตอ.เมืองระยะทางรวมยาวกว่า 10 กม.ทั้งขาเข้าออกผ่านสายชัยภูมิ-สีคิ้ว เป็นจำนวนมากนับร้อนร้านค้าตลอดริมข้างทาง ซึ่งมักมีการเผาไร่ข้าวโพด และเศษฝักอ้อยจำนวนมาก โดยไม่มีมาตรการช่วยกันป้องกันที่ดีพอจนล่าสุดทำให้ไฟลุกลามเกิดเพลิงไหม้ลามทุ่งไปเป็นวงกว้างจำนวนมากอีกหลายสิบไร่และหวิดเข้าไปไหม้บ้านคนใกล้เคียงและอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ได้รับความเสียหายอีกจำนวนมาก
ซึ่งพ.ต.อ.วัฒนชัย ฯ ผกก.สภ.บ้านค่าย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุไฟลามทุ่งและคุมไม่อยู่ลุกลามสร้างความเสียหายมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายมาต่อเนื่องในหลายพื้นที่ รวมทั้งในเขตต.บ้านค่าย ซึ่งทางผู้นำท้องถิ่น ทางเทศบาลตำบลบ้านค่าย จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดโครงการนำร่องเพื่อช่วยกันเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุไฟป่าในพื้นที่อย่างเข้มงวดให้มากขึ้น ด้วยการขอความร่วมมือจากผู้ที่ปลูกข้าวโพดจำนวนมากทั้งหมดในพื้นที่ และผู้ที่มีไร่นาที่คิดจะเผาตอซังข้าว ในช่วงนี้ขอให้มาขึ้นทะเบียนกับทางตำรวจและผู้นำท้องถิ่นไว้ก่อน และหากเกิดปัญหาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากลุกลามไปไหม้บ้านคนอื่นเสียหายและทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหายตามกฏหมายอย่างเด็ดขาดต่อจากนี้ไปด้วย
ซึ่งหากพบจุดไหนเป็นต้นเหตุต้องรับผิดชอบ และในส่วนการหลีกเลี่ยงการเผาในทุกพื้นที่ก็สามารถทำได้ด้วยการให้มาแจ้งที่ผู้นำท้องถิ่น เทศบาลที่จะได้หาทางลงไปช่วยด้านอุปกรณ์ช่วยไถกลบแทนให้ รวมทั้งในส่วนเศษพืชฝักข้าวโพด ส่วนหนึ่งก็สามารถช่วยกันนำไปทำปุ๋ยหมักแทนได้อีกทางด้วย จึงต้องขอความร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ทุกคนไปก่อนในช่วงนี้ เพื่อที่จะเป็นการช่วยกันเข้มงวดป้องกันเหตุลดความเสียหายจากไฟป่าเพลิงไหม้ลามทุ่งที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่สร้างความเสียหายให้อีกหลายพื้นที่ตามมาอีกจำนวนมากในขณะนี้ด้วย