ที่เกิดเหตุพบนายสยม กำลังยืนรออยู่หน้าบ้าน โดยนำกล่องใส่ทองเป็นกล่องกำมะหยี่สีแดง ภายในมีตลับใส่สร้อยทอง และแหวนทอง มามอบให้เจ้าหน้าที่ พร้อมให้การว่า เมื่อเช้าขณะที่นางอรวรรณ มารดาตน เดินเอาขยะไปทิ้งหน้าบ้าน พบกล่องสีแดง ตกอยู่ริมถนน ฝาเปิดออกเห็นภายในมีตลับใส่ทอง จึงนำมาให้ตนที่อยู่ในบ้าน ตนจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจส.100 สว.พ.91 เพื่อประกาศตามหาเจ้าของ
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำของกลางพร้อมนายสยม ผู้ที่พบทองมาสอบปากคำ เพื่อบันทึกรายละเอียดทองที่พบจำนวน 9 รายการ มีสร้อยทองฝังเพชรแกะลาย สร้อยข้อมือ ต่างหู แหวนเพชร ที่ทั้งหมดเป็นชุดเดียวกันนอกจากนั้นยังมีกำไลข้อมือรวมมูลค่าทั้งสิ้น 16 บาทสองสลึง และได้เชิญเจ้าของร้านทางมาตรวจสอบสร้อยทองที่พบจากการตรวจสอบพบว่าเป็นทองคำแท้ทั้งหมดและเป็นทองเก่ามีราคามูลค่ากว่าสามแสนบาท
ระหว่างที่ทำการตรวจสอบอยู่นั้นมีนายมนัส บินดาเซ็น อายุ 57 ปี เจ้าของเต็นท์รถมือสองพร้อมภรรยาและลูกสาวได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.วิเชียร คำนิยม พนักงานสอบสวน ว่า ทองหล่นหายขณะขับรถจากหมู่บ้านศิรินทรา ไปบ้านลูกสาวที่อยู่ห่างกันราว 10 กม. แล้วทำกล่องใส่ทองหล่นหาย โดยให้การว่า ตนและภรรยาอยู่บ้านเลขที่ 132/79 หมู่บ้านศิริทรา ซ.ร่มเกล้า 19/7 และกำลังจะเดินทางไปบ้านลูกสาวที่อยู่ไม่ห่างกันนัก จึงนำรถยนต์เก๋งโตโยต้ามาจอดหน้าบ้าน และขนของเป็นประเภทกรงนกแก้ว 1 กรง กรงไก่อีก 2 ตัว พร้อมด้วยกล่องเครื่องทองที่ใส่ในงานวันแต่งงานลูกสาวไปให้ลูกสาวที่บ้านอีกหลัง โดยระหว่างที่ขนของขึ้นรถนั้น รู้สึกว่าตนนำกล่องใส่ทองออกจากเบาะหลัง แล้วไปวางบนหลังคารถ แล้วเอากรงนกใส่ไปด้านใน ก่อนที่จะปิดประตูรถแล้วขับออกจากบ้านมาเลย โดยที่ไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งขับรถมาสักพัก นึกถึงกล่องใส่เครื่องทองได้ จึงหันไปตรวจสอบดู พบว่าหายไป จึงขับรถกลับมาหาที่บ้านก็ไม่เจอ และภรรยาได้ยืนยันว่าได้หยิบออกมาแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อตนได้ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อนบ้าน เพื่อตรวจสอบเบาะแส แต่กล้องกลับเสีย ลูกสาวเลยให้รีบมาแจ้งความ พร้อมนำภาพถ่ายรูปพรรณทอง มาให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน หลังพนักงานสอบสวนตรวจสอบชัดเจนว่า เป็นเจ้าของทองจริง จึงแจ้งว่า นายสยม เป็นผู้เก็บกล่องทองได้หน้าหมู่บ้าน นายมนัส และครอบครัวถึงกับกระโดดสวมกอดนายสยม ด้วยความตื้นตันจนน้ำตาไหล เพราะไม่คิดว่าจะได้ของคืน พร้อมกับกล่าวขอบคุณและมอบทองหนัก 1 บาทให้เป็นรางวัลความดี แต่นายสยม ไม่ยอมรับ
นายสยม ด่านศิลาหยก พนักแผนกคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ของ บ.ชิเชโด้โปรเฟสชัลแนล ย่านสุขุมวิท กล่าวว่า ที่ตนไม่รับสินน้ำใจ เพราะที่ทำไป ตนไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ตนคิดถึงแต่หัวอกเจ้าของทรัพย์สินมากขนาดนี้ เขาคงต้องไปใช้ธุระที่สำคัญแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เอาทองออกจากบ้านมากขนาดนี้ ตนคิดเพียงว่า ถ้าเป็นเราทำหายจะรู้สึกอย่างไร ตนคิดเพียงแค่ได้คืนเจ้าของตัวจริงก็พอแล้ว
ขณะที่ พ.ต.ท.วิเชียร คำเนียม พนักงานสอบสวน กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งว่า มีพลเมืองพบทอง ก็ได้ทำการตรวจสอบและเก็บรักษาของกลางไว้จนเจ้าของมาแสดงหลักฐานได้ชัดเจนและถูกต้อง จึงส่งมอบคืนและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ในส่วนของนายสยม พลเมืองดี ตนจะทำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา และกก.ตร.ขอประกาศเกียรติคุณในคุณงามความดี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนในสังคมตระหนักถึงการทำหน้าที่พลเมืองที่ดี โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นเรื่องที่น่ายกย่องในสังคม
