สตช.-ป.ป.ส.-ทหาร ลงพื้นที่วัดปากน้ำฯ จับผู้เสพ 66 คน

เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 9 ก.ย. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รอง ผบก.น.9 ได้สนธิกำลังตำรวจ บก.น.7 บก.น.8 บก.น.9 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. กทม.และเจ้าหน้าที่ทหาร รวม 250 นาย และสุนัขตำรวจอีก 2 ตัว เข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้เสพยาเสพติดภายในชุมชน 18 แห่ง รอบพื้นที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ถนนรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กทม.เพื่อนำตัวส่งเข้าบำบัดกับคืนสู่สังคมตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยผลการปฏิบัติภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สามารถระดมกำลังบุกเคาะประตูบ้านเรียกตัวผู้ต้องสงสัยสุ่มตรวจปัสสาวะได้หลายร้อยราย เบื้องต้นพบฉี่เป็นสีม่วง 66 คน เป็นชาย 63 คน และหญิง 3 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน สน.ภาษีเจริญ และสน.ตลาดพลู ท้องที่รับผิดชอบเพื่อทำบันทึกยินยอมให้ส่งตัวบำบัด ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารรับตัวส่งไปยังศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแต่ละสาขาในพื้นที่ภาคกลางทำการบำบัดฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจก่อนส่งตัวคืนสู่สังคมต่อไป พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า การบุกค้นหาตัวผู้เสพยาเสพติดเพื่อส่งบำบัดในวันนี้เกิดขึ้นจากนโยบายฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.ได้มีหลังสือถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ให้เร่งทำแผนระดมกวาดล้างยาเสพติดตามชุมชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. โดยเน้นการนำตัวผู้เสพยาติดส่งบำบัดฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจโดยไม่ต้องดำเนินคดีเพื่อให้โอกาสให้คนเหล่านี้กลับตัวกลับใจ ซึ่งการนำตัวเข้าทำการบำบัดรักษานั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ก่อนส่งกลับคืนสู่ชุมชน ทั้งนี้เมื่อผู้เสพผ่านการบำบัดเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้หลงผิดหันหลังกลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ อีก อย่างไรก็ตาม เมื่อภาครัฐเปิดโอกาสให้เข้าทำการบำบัดโดยไม่ดำเนินคดีแล้ว จึงอยากขอร้องให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานพัวพันกับการเสพยาเสพติดเร่งประสานมายังโรงพักท้องที่ที่ตนเองอาศัย เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาพาตัวบุตรหลานเข้าฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจให้กลับกลายเป็นคนดีของสังคมต่อไป รอง ผบช.น.กล่าว