เมื่อเวลา 09.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เป็นประธานการประชุมคณะคสช.ครั้งที่13 โดยรอง คสช. ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร พล.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสีแก้ว พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการ คสช. ร่วมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า ทันทีที่มีการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติและจะมีการแบ่งการทำงาน 19 กระทรวงให้รองนายกรัฐมนตรี 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มรว.ปรีดียาธร เทวกุล นายยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร นายวิษณุ เครืองาม ดูแลขณะที่บทบาทการทำงานของ คสช. 5 ด้านยังคงอยู่ แต่ก็ต้องลดบทบาทลง มีเพียงการดำเนินการเกี่ยวกับงานขับเคลื่อนที่เป็นเรื่องเร่งด่วน อาทิ การรักษาความสงบเรียบร้อย การรักษาความมั่นคงภายใน รวมถึงการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ คสช.มุ่งเน้น พร้อมระบุถึงการทำงานในส่วนของรัฐบาลใหม่ด้วยว่าได้กำชับให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศ โดยยึดหลัก ทำก่อน ทำจริง มีผลสำฤทธิ์ ปี 58และยั่งยืนบนพื้นฐานของค่านิยมคนไทย 12 ประการ ที่มีความเหมาะสมกับประไทไทยและสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ส่วนการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปที่มีการสมัครเข้ามากว่า 6000 คนนั้นจะพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ยืนยันไม่มีการล็อกสเปค
" การทำงานของคณะรัฐมนตรีต่อจากนี้จะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการทำงานเพราะไม่ต้องการให้เงื่อนไขของเวลามาเป็นอุปสรรค ผมเชื่อมั่นในความดี ว่าความดีจะชนะความไม่ดี และจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภายหลังที่มีการโปรดเกล้าฯ ครม. เรามีแนวคิดจะดำเนินงานของ คสช. ที่เร่งด่วน เพราะเป็นการทำงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครั้งที่1-13 และครั้งนี้ก็ต้องดำเนินการต่อไปตาม คสช.ต่อไป พร้อมจะมีการส่งมอบงานต่างๆให้กับ ครม.ชุดใหม่ เมื่อมีการแถลงนโยบาย ผมได้คิดแนวทางการทำงานไว้แล้ว โดยมอบให้ 5 รองนายกฯขับเคลื่อนงานในทุกๆด้าน ที่ได้มีการจัดสรรใน 19 กระทรวง ในส่วนของ คสช. ยังคงมีคณะทำงาน5คณะเช่นเดิม โดยมีการประชุมพร้อมนำข้อสรุปเสนอ ครม. โดยให้ ครม. พิจารณาอีกครั้ง โดย คสช.จะไม่เข้าไปก้าวก่าย และ คสช.จะขับเคลื่อนเรื่องเร่งด่วน ในเรื่องของการดูแลรักษาความมั่นคงภายใน ดูแลการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ แต่ในส่วนการประกาศใช้กฎอัยการศึกจะมีการปรับลดและผ่อนคลายลง แต่ไม่ใช่ในช่วงนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ คือเรื่อง การทำความเชื่อมั่นกับต่างชาตินั้น ในกลุ่มประเทศอาเซียนมีความเข้าใจและเชื่อมั่นประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เรากำลังเร่งสร้างความเชื่อมันและทำความเข้าใจกับกลุ่มประเทศยุโรปว่าเรากำลังร่วมกันพัฒนาประเทศเพื่อเตรียมเข้าสาประชาคมอาเซียนในปี 2558 เช่น เรื่องตลาดการค้าของไทยที่ขึ้นอยู่กับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ส่วนกรณีที่ประเทศสหรัฐจัดอันดับการค้ามนุษย์ของประเทศไทยอยู่ที่ tier3 คสช.จะขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม โดยการมอบหมายให้กระทรวงต่างประเทศไปชี้แจงกับต่างประเทศต่อไป สำหรับด้านเศรษฐกิจ คสช.จะขับเคลื่อนให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาในประเทศ โดยสภาพัฒน์เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะต้องวางแผนการพัฒนาประเทศเพื่อที่จะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ส่วนโครงการใหญ่ๆก็ต้องทยอยดำเนินการ พร้อมให้กำชับทุกกระทรวงให้ทำตามนโยบาย นอกจากนี้งานด้านเศรษฐกิจต้องนำระบบ one stop service เข้าไปอยู่ในกิจการธุรกิจทุกด้าน และต้องเชื่อมกับระบบราชากรให้ได้ โดยทำแบบบูรณาการข้อมูล กับทุกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
" ส่วนการทำงานของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ต่อจากนี้จะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการทำงานเพราะไม่ต้องการให้เงื่อนไขของเวลามาเป็นอุปสรรคหรือสร้างความกดดันให้กับคณะรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมามักจะมีการถามถึงระยะเวลาในการทำงาน ซึ่งตรงนี้ผมไม่กำหนด แต่การทำงานของคณะรัฐมนตรีต้องมีผลงาน โดยหลักการทำงานของผมมี 4 คำ ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์ปี58 และยั่งยืน มีคนขอเบอร์โทร วันเดือนปีเกิด ของผม บอกว่าจะเอาไปดูฮวงจุ้ย โหง้วเฮงที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ผมไม่ได้นึกถึงฮวงจุ้ย แต่ยึดความดีมากกว่า ว่าความดีจะต้องชนะความไม่ดี และจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว