
วันนี้ ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษา คดีนาย อมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธานองค์การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส. ?จำเลยที่ 1 และ นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อดีตเลขาธิการ ปรส. จำเลยที่ 2 ในคดีกับพวกรวม 6 คน กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 2 มิ.ย. - 1 ต.ค. 2541 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 กับพวกได้วางแผนแบ่งหน้าที่กัน และในฐานะประธาน ปรส. ปฏิบัติหน้าที่ของ ปรส.ไม่โปร่งใส และมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และจำเลยที่ 2 อดีตเลขาธิการ ปรส. เข้าทำสัญญาซื้อขายเพื่อประโยชน์ทางภาษีอากร การกระทำของจำเลยทั้งหมดก่อให้เกิดความเสียหายแก่ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และ ปรส.?คดีนี้ศาลอาญาพิเคราะห์ จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 2 ผิดฐานไม่เรียกเก็บเงินงวดแรกในการขายสินทรัพย์ให้กับบริษัทเอกชนเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิ้งค์ จำกัดจำนวน 2,304 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์กำหนดที่ไว้ ผิดตาม พรบ.ว่าด้วย ความผิดพนักงานในองค์กรของรัฐ จึงพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 เคยเป็น อดีตรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 เป็นอดีตประธานอนุกรรมการกลั่นกรองวางแผนการฟื้นฟูให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นการทำคุณให้กับประเทศชาติ ประกอบจำเลยทั้ง 2 มีอายุมากเห็นสมควรให้กลับตัวกลับใจ โทษจำคุกจึงรอลงอาญา 3 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี โดยต้องรายงานตัว 3 ครั้งต่อเดือน พร้อมบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง?
ขณะที่ นายอมเรศ ?และ นายวิชรัตน์ ได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดี จนในวันนี้ ศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษาโดย แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ?ให้ยกฟ้อง นายอมเรศ ?และ วิชรัตน์ ?
คีดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 วิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ในรัฐบาลอดีตนายกฯ ชวนหลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลให้สถาบันการเงินของไทยจำนวนมากได้รับผลกระทบและล้มในที่สุด ต่อเนื่องจากรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ จากพรรคความหวังใหม่ จนทำรัฐบาลในขณะนั้นได้นำ 56 สถาบันการเงิน ขายให้กับต่างชาติในราคาถูก จากมูลค่า 851,000 ล้านบาท ขายไปเพียง 190,000 ล้านบาท จนนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี และถูกกล่าวหาว่า ?กำหนดหลักเกณฑ์เอื้อประโยชน์ให้เอกชนและหลบเลี่ยงภาษี