ปส.รวบแก๊งค์ขนยาบ้า 2 คดีซ้อน

บช.ปส.--- เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มีนาคม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ปฏิบัติหน้าที่ รมว.เเรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผบช.ปส. ร่วมเเถลงจับกุมคดียาเสพติด จำนวน 2 คดี โดยคดีเเรก มีผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ได้เเก่นายเทอดพงษ์ เเสนลี่ อายุ 27 ปี นายสุเทพ ขจรสันติสุข อายุ 50 ปี เเละนางอะเล้นา เเสนลี่ อายุ 48 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 54 มัด เป็นจำนวน 108,000 เม็ด รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีดำ ทะเบียน ผร 5536 เชียงใหม่ (บรรทุกยาเสพติด) รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ผพ 8622 เชียงใหม่ เเละโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง โดยจับได้ที่ถนนปาย-เเม่เเตง ต.ป่าเเป๋ อ.เเม่เเตง จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ถนนสายปาย -เเม่เเตง ต.สบเปิง อ.เเม่เเตง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เวลา 15.30 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ทนัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจชุดสอบสวน สืบทราบว่า นายเทอดพงษ์ กับพวก จะใช้รถยนต์ของกลางทั้ง 2 คัน ลักลอบขนยาบ้าจากภาคเหนือ ไปส่งให้กับกลุ่มนักค้าภาคกลาง ในวันที่ 14 มีนาคม จึงเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณจุดเกิดเหตุ กระทั่งพบรถยนต์ของกลางทั้ง 2 ขับผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงขับรถยนต์ติดตาม พร้อมเเสดงตัวขอตรวจค้นรถที่นายเทอดพงษ์ขับ พบยาบ้า 54 มัด เป็นจำนวน 108,000 เม็ดซุกซ่อนอยู่ภายในรถ จากนั้นจึงติดตามจับกุมนายสุเทพ เเละนางอะเล้นา ได้ในเวลาต่อมาเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เเจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้าหรือเมทเเอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป คดีที่ 2 จับกุมนายอนุชิต ดำรงสิริวงค์/แซ่ยั้ง หรือตี๋ อายุ 37 ปี ชาวจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 340,000 เม็ด รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า ทะเบียน บบ5469 ลำพูน รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ผพ 7763 เชียงใหม่โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณถนนสายศรีดงเย็น-ป่าฮิ้น เขตบ้านแดนดิน หมู่ที่ 10 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เวลา 03.20 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ทนัย กล่าวว่าสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่านายพิษณุ แสงสว่าง มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาบ้าจากทางภาคเหนือ ไปส่งให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้รถกระบะสองคันเป็นพาหนะในการลำเลียง และจะมีการส่งยากันในวันที่ 14 มีนาคม เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าสังเกตการณ์ จนถึงเวลาที่เกิดเหตุรถกระบะสองคันดังกล่าวได้ขับผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงออกติดตาม รถกระบะทั้งสองคันพยายามขับรถหลบหนี เเต่รถมิตซูบิชิเกิดอุบัติเหตุ เเละนายพิษณุหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นรถคันดังกล่าว พบยาบ้าดังกล่าว จากนั้นจึงติดตามจับกุมนายอนุชิต คนขับรถกระบะโตโยต้า ซึ่งใช้นำทาง เเละจากการสอบสวนนายอนุชิตให้การรบสารภาพว่าได้รับการติดต่อจากนายพิษณุให้นำทางในการลำเลียงยาบ้าครั้งนี้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้าหรือแอมแฟตามีน)ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวพร้อมกลางส่งพนักงานสอบเพื่อดำเนินคดี ส่วนนายพิษณุนั้นทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับต่อไป พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบหีบห่อบรรจุภัณฑ์ในคดีนี้ พบว่ามีตราสิงโตเหยียบลูกโลกอยู่บนหีบห่อ ซึ่งน่าเเปลกใจมาก เนื่องจากตราสัญลักษณ์นี้ เดิมเป็นตราของเฮโรอีน อีกทั้งตราดังกล่าวยังไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลากว่า 3 ปีเเล้ว น่าสังเกตว่าในการที่มีตราสัญลักษณ์ดังกล่าวประทับอยู่บนหีบห่อของยาบ้า อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการใช้สารบางตัวซึ่งเป็นส่วนผสมเดียวกันกับเฮโรอีน อย่างไรก็ตามจะนำไปตรวจสอบต่อไป ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ายาบ้าดังกล่าวน่าจะมาจากโรงงานในเครือข่ายของพ.ท.ยี่เซ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบ เพื่อหาปลายทางของยาบ้าต่อไป พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบผู้ต้องหาทั้ง 4 คนในครั้งนี้ พบว่า เป็นชาวเขา เผ่าลีซอ ซึ่งทั้ง 4 คนพูดไทยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เเต่ทั้ง 4 คน กลับมีบัตรประชาชน จึงอยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ให้ช่วยกวดขัน เเละช่วยตรวจสอบเบื้องต้น กรณีจะออกบัตรประชาชนให้คนเหล่านี้เพื่อเป็นการช่วยตำรวจอีกท่งหนึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่จับผู้ต้องหาจำนวน 9 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 3,000,000 เม็ด ซึ่งมีตราสัญลักษณ์บนหีบห่อบรรจุ เป็นตราเพชร เมื่อวันที่15-16 มีนาคมที่ผ่านมานั้น เมื่อนำยาบ้าของกลางดังกล่าวไปตรวจสอบที่ห้องเเล็บ พบว่าเป็นของพ.ท.ยี่เซเช่นเดียวกัน เพียงเเต่เปลี่ยนตราสัญลักษณ์ใหม่เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีการติดตามจับกุมขบวนการต่อไป