แจงค่าโง่โฮปเวลล์ ยืนยัน ตั้งคณะทำงานศึกษาข้อกฎหมายสู้คดี

ปลัดกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร กล่าวชี้แจงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายในการอภิปรายทั่วไปเพื่อพิจารณาญัตติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อกรณีโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร หรือ โครงการโฮปเวลล์ โดยยืนยันว่า คดียังไม่หมดอายุความในเดือนเมษายน 2564 ตามที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหา พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมและ การรถไฟแห่ง ประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบและยึดหลักที่เกิดประโยชน์กับรัฐสูงสุด 
ขณะที่ผู้ว่าการการรถไฟแห่ง ประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นายนิรุฒ มณีพันธ์ กล่าวว่า ภายหลังศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในเดือนเมษายน 2562 ให้ กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท. คืนเงินค่าตอบแทนที่ผู้คัดค้านชำระและใช้เงินในการก่อสร้างโครงการ พร้อมดอกเบี้ยให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ทาง รฟท.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจโดยได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาต่อสู้คดีเพื่อศึกษาข้อกฎหมายว่าคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดนั้นถูกต้อง และเหมาะสมหรือไม่ มีกลไกอื่นใดหรือไม่ที่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของรัฐได้ และได้ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ // ขณะเดียวกันยังมีประเด็นที่น่าสงสัยเกี่ยวกับจดทะเบียนให้ผู้มาลงนามในสัญญาขณะนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ 
นอกจากนี้ยังได้มีการหารือร่วมกับผู้ตรวจการแผ่นดินเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งนำไปสู่การขอความเห็นจากศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) พร้อมย้ำว่าไม่ได้ละเว้นการทำงานแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ปปช.ในฐานะพนักงานสอบสวนทางอาญา // ส่วนใครจะรับผิดทางละเมิดนั้นจะต้องไปค้นหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง ว่าเหตุละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ ซึ่งหากเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องดูว่าใครเป็นต้นเหตุเพราะมีข้อบัญญัติ2539 บัญญัติไว้ชัดเจน พร้อมยืนยันการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการที่ครบถ้วนที่สุด 
ในส่วนขออายุความที่เป็นของกังวลใจของหลายฝ่ายนั้น ระบุ มาตรา 9 ได้ระบุชัดเจน หากเกิดความเสียหายโดยรัฐไปชดใช้ค่าเสียหายแล้วให้ไปไล่เบี้ยกับผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายภายใน 1 ปี ซึ่งขณะนี้อายุความยังไม่เริ่มนับและยังไม่มีการจ่ายเงินแต่อย่างใด ส่วนมาตรา 10 วรรค 2 ระบุหากเจ้าพนักงานของรัฐทำละเมิดต่อรัฐและเกิดเหตุละเมิดเจ้าพนักงานจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย โดยจะเริ่มนับอายุความต่อเมื่อรู้ว่าเจ้าพนักงานทำละเมิดต่อรัฐ และรู้ตัวพนักงานที่ทำละเมิดชัดเจน ซึ่งหากไม่ดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลภายใน 2 ปี จะเป็นเหตุให้ขาดอายุความได้