แต่สิ่งที่หลายฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น มันก็ปรากฎจนได้ เมื่อความวุ่นวายหลังคณะราษฎรยุติการชุมนุมที่บริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสำนักงานใหญ่ รัชโยธิน เมื่อคืนวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กลายเป็นการกระทำจากอาวุธปืน และระเบิด ไม่ใช่จากอุปกรณ์เครื่องมือของเจ้าหน้าที่ อาจถือเป็นความรุนแรงที่สังคมเกินจะรับได้
ทั้งนี้ จากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ เผยบรรยายกาศชายกลุ่มหนึ่ง คาดว่า จบการศึกษารุ่นเดียวกัน จากต่างสถาบันซึ่งรู้เห็นเหตุการณ์ แต่มารวมตัวเเจรจาจากประเด็นที่ขัดแย้งกัน การบันทึกไม่มีการตั้งกล้องบันทึกใบหน้าของกลุ่มที่สนทาด้วยแต่เสียงที่ถูกบันทึก พอจะถอดความได้ดังนี้
ชายคนที่ 1 : ได้ทุกที่แหละ .................. เพราะตัวผมก็เป็นคนเคลียร์ด้วยพอตอนที่มีปัญหากัน ระหว่าง 2 ฝ่าย
ชายคนที่ 2 : เรื่องนี้คือผมขอไม่ให้เอาคืนกันได้ไหม
ชายคนที่ 1 : คือไม่ให้สัมภาษณ์ใช่ไหม
ชายคนที่ 2 : ใช่
ชายคนที่ 1 : อ่ะได้ (ตอบกลับทันที)
ชายคนที่ 3: คืองี้ครับ แบบว่ามีคนหนึ่งพูดว่า มีนโป .........ก็เลยพูดกันหมดว่าเป็น "มีนโป"
ชายคนที่ 1: โอเค................. เรื่องนี้ผมเก็ททุกอย่างแล้ว ....................แต่ผมอยากจะขอเรื่องเดียว คือ อย่าให้สื่อรู้ เพราะถ้าสื่อรู้เราจะเสียกันหมดกับสิ่งที่เราสร้างกันมา
ชายที่ถือกล้องถ่ายคลิป : โอเค เอาแค่นี้ก่อนนะครับเพราะต้องตามคนเจ็บไปโรงพยาบาล
ขณะเดียวกัน ยังมีคลิปวิดีโออีกชิ้น จากผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง ไลฟ์สดแสดงความไม่พอใจระบุผู้ก่อเหตุ สังกัด เทคนิคปทุมธานี "ผมฝากแก้ข่าวด้วยนะ ไอ้พวกปลอกแขนเขียว ไม่รุ้เรื่องอะไรแล้วเอาไปเขียนระวังผมจะฟ้องกลับนะครับ มาใส่ร้ายโรงเรียนของผมว่าไปยิงเขา ผมขอแก้ข่าวโรงเรียนผมไม่ได้ยิงนะครับ แต่ถูกยิงอยู่เทคนิด มีนบุรี โปลีเทคนิคตอนนี้ก็จับได้แล้วนะครับ ทั้งคนและอาวุธปืนผมกำลังตามเรื่อง กำลังอยู่ที่ สน.พหลโยธินย้ำนะครับ คนยิงอยู่เทคนิคปทุมธานีส่วนคนที่ถูกยิงคือ รุ่นน้องผม"
นายวันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านความมั่นคง ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า นี่คือสิ่งที่ต้องระวัง จากการขยายผลทางการเมืองมากกว่า ท่ามกลางความหลากหลายของผู้เข้าร่วมชุุมนุม กลายเป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นภายในมวลชน จนนำไปสู่การเลี่ยงการชุมนุม โดยเฉพาะกลุ่มคนอาชีวะ ที่มาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม พวกเขาต้องสามารถประเมินสถานการณ์ เพื่อให้การรับประกันความมั่นใจให้ได้ มิเช่นนั้น จะเกิดเป็นข้ออ้างให้มือที่ 3 เข้ามาฉกฉวย สร้างเรื่องรุนแรงแล้วปล่อยข่าวให้เกิดความวุ่นวายกลับเข้าสู่มวลชนข้อเท็จจริง จะเป็นอย่างไร เราอาจไม่ทราบข้อมูลเชิงลึก แต่ในทางกลับกัน ผู้จัดการชุมนุมเอง จะสามารถแบกรับความมั่นใจนี้ แล้วปล่อยให้ "กลุ่มคนอาชีวะ" ดำเนินการต่อไปหรือไม่ อาจมีการสร้างข้อตกลง ลงรายละเอียดให้มากขึ้น เช่น การลงชื่อผู้เข้าร่วมกลุ่มอันเป็นแนวทางป้องกันคนนอกเข้ามาแอบแฝง ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมเองต้องยอมรับว่า การก่อม็อบของคณะราษฎร มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วน แยกกันบริหาร ขาดลักษณะบริหารแบบบูรณาการ ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ใหญ่ในการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้เข้าร่วมชุมนุม
ส่วนความพยายามเจรจาเข้าไกล่เกลี่ย ที่ปรากฎในคลิปนักวิชาการ ด้านความมั่นคง ชี้ว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นการจัดฉาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนอาจเห็นตรงกันคือ นี่คือระบบโซตัส เป็นวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันของนักศึกษาในสถาบันเดียวกัน ภาพมีรุ่นพี่เข้ามาแก้ไขจัดการปัญหา ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกสถาบัน นี่เป็นแง่ดีของระบบเก่าแก่ ที่แต่ละสถาบันพยายามรักษาไว้ แต่อีกมุมหนึ่ง กลุ่มรุ่นพี่เหล่านี้ อาจถูกตั้งคำถามว่า พวกเขาอิงแอบกลุ่มการเมืองใดๆ หรือไม่ เพราะต้องตอนนี้ในกลุ่มการ์ดเอง ก็มีความหลากหลายเหลือเกินจนไม่แน่ใจว่า จะมีเอกภาพหรือไม่