"เนชั่นทีวี" ตรวจสอบกับนักฎหมายที่มีชื่อเสียงหลายราย ได้รับคำยืนยันว่า ประมวลกฎหมายมาตรา 112 ไม่ได้เป็นกฎหมายละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงออก แต่เป็นการ "จำกัดเสรีภาพ" บางประการ เพื่อไม่ให้กระทบกับสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ในกรณีนี้หมายถึง "สถาบันพระมหากษัตริย์" เพราะแม้แต่บุคคลธรรมดาทั่วไป ก็มีกฎหมาย "หมิ่นประมาท" ป้องกันไม่ให้ถูกใส่ร้าย ใส่ความ หรือทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชังเช่นกัน
โดย อ.คมสัน โพธิ์คง นักกฎหมายชื่อดัง ซึ่งในอดีตเคยศึกษาข้อเรียกร้องที่ให้มีการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวว่า หลายๆ ประเทศก็มีกฎหมายปกป้องประมุขของรัฐ โดยเฉพาะประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ถือเป็นหลักการปกติที่เรียกว่า "หลักการคุ้มครองประมุขของรัฐ" ซึ่งต้องมีความพิเศษมากกว่าบุคคลธรรมดา ฉะนั้นการเรียกร้องจากบางฝ่ายไม่ให้มีการคุ้มครองเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
ทั้งนี้ ประเทศที่มีบทบัญญัติคุ้มครองประมุขของรัฐ ไม่ให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี หรือล่วงละเมิด รวมถึงกระทำการอาฆาตมาดร้ายหรือประทุษร้าย นอกเหนือจากการวิจารณ์โดยสุจริตนั้น ไม่ได้มีเฉพาะประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่ยังมีในประเทศที่ปกครองในรูปแบบประธานาธิบดีด้วย
นักกฎหมายชื่อดัง อธิบายอีกว่า การคุ้มครองประมุขของรัฐ นอกจากกฎหมายภายในของประเทศนั้นๆ แล้ว ประเทศอื่นๆ ที่มีสัมพันธไมตรีต่อกัน ก็มีกฎหมายปกป้องประมุขของรัฐอื่นด้วย เช่น ในประมวลกฎหมายอาญาของไทย ก็มีบัญญัติไว้ในมาตรา 130 ถึงมาตรา 134
โดยเฉพาะมาตรา 133 ที่ห้ามการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายประมุขของรัฐต่างประเทศ ซึ่งมีเนื้อหาเดียวกันกับมาตรา 112 เพียงแต่อัตราโทษต่างกัน เพราะเป็นบทบัญญัตติที่คุ้มครองประมุขของรัฐต่างประเทศ
อ.คมสัน กล่าวด้วยว่า ฉะนั้น หากยกเลิกมาตรา 112 ที่ปกป้องพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขของรัฐไทย หรือปรับอัตราโทษให้ต่ำลง จะกลายเป็นความลักลั่นทางกฎหมายที่ประเทศไทยคุ้มครองประมุขของรัฐต่างประเทศมากกว่าประมุขของรัฐตัวเอง