svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ทิพานัน" เตือนม็อบฟังเสียงสะท้อนคนเดือดร้อน

19 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ทิพานัน" ชี้เศรษฐกิจไทยเหมือนถูกจี้เป็นตัวประกัน กระตุกม็อบฟังเสียงสะท้อนคนเดือดร้อน เชื่อสงบเร็วเศรษฐกิจเดินหน้า ทุกฝ่ายต้องขจัดเงื่อนไขซ้ำเติม เร่งใช้พื้นที่สภาแก้ไขปัญหามากกว่าพื้นที่ถนน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี ที่ผลสำรวจความเห็นประชาชนซุปเปอร์โพลล์ระบุประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ92.8 มองภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย ก่อนและหลัง ม็อบขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ความแตกแยกของคนในชาติ เสียหาย แย่หนักลงไปอีก ว่า เป็นเสียงสะท้อนของประชาชนซึ่งทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือกลุ่มผู้ชุมนุม จะต้องนำมา พิจารณา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุม และประชาชนที่ติดตามสถานการณ์การชุมนุม ย่อมตระหนักดีว่าเศรษฐกิจไทยเพิ่งเผชิญกับปัญหา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูประเทศ และเยียวยาเศรษฐกิจ  
                                   

"ทิพานัน" เตือนม็อบฟังเสียงสะท้อนคนเดือดร้อน


    ทั้งนี้ การชุมนุมที่เกิดขึ้นในใจกลางเมือง ที่เป็นย่านเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการสัญจรไปมา การดำเนินชีวิต และการทำมาหากิน โดยจะเห็นได้จากภาพที่แชร์กันในโลกออนไลน์ ถึงภาพห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในย่านราชประสงค์แทบจะเป็นห้างร้างหลังการชุมนุม ฉะนั้น จะเห็นได้ว่ามีผลกระทบทางจิตวิทยา ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย และใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งจะส่งผลกระทบไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง การจ้างงาน  ดังนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม หรือประชาชนที่จะตัดสินใจไปร่วมชุมนุมขอให้ฉุกคิดถึงประเด็นนี้ด้วย และรับฟังความเห็น เห็นใจถึงความเดือดร้อนและสิทธิในการทำมาหากินของผู้อื่นตรงจุดนี้เพิ่มเติมด้วย      สถานการณ์ตอนนี้ เหมือนเศรษฐกิจไทยถูกจี้เป็นตัวประกัน ปัญหาปากท้องของคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เพิ่งจะมีความหวัง มาตรการตรกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการคนละครึ่งเพิ่งคิกออฟออกไป แต่บรรยากาศบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลเช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการใช้จ่าย ภายในประเทศ และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างประเทศน.ส.ทิพานัน กล่าว  
   น.ส.ทิพานัน ยังกล่าวอีกว่า ผลโพล ยังระบุว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ มีความสามัคคีโดยเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าความสามัคคีปรองดอง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และหากประเทศกลับสู่ความสงบโดยเร็ว กระบวนการฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจก็ เดินหน้าไปได้ อัตตราการจ้างงานใหม่กับผู้จบใหม่ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องขจัดเงื่อนไขซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ  ไม่ควรมีมวลชนกดดันในพื้นที่ถนน ทั้งผิดกฏหมายและทำลายเศรษฐกิจ แต่ควรเร่งหันกลับไปใช้พื้นที่สภาผู้แทนราษฏรหาทางออกร่วมกัน
 




 

logoline