1. October Surprise ในช่วงเดือนตุลาคมหรือประมาณ 1 เดือนก่อนการเลือกตั้งแต่ละครั้งมักมี "เหตุการณ์ไม่คาดฝัน" เกี่ยวกับผู้ท้าชิงคนใดคนหนึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำ ถึงขั้นมีการบัญญัติศัพท์คำว่า "October Surprise" หรือ "เรื่องเซอร์ไพรส์เดือนตุลาคม" อย่างเมื่อ 4 ปีก่อนก็คือเรื่องที่เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอในขณะนั้นประกาศเปิดการสอบสวนฮิลลารีเกี่ยวกับการใช้อีเมลส่วนตัวติดต่องานขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ จนทำให้คะแนน "ความน่าเชื่อถือ" ของฮิลลารีลดลงอย่างฮวบฮาบ
ส่วนในการเลือกตั้งคราวนี้ เรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นกับทั้งทรัมป์และไบเดน สำหรับทรัมป์ก็คือข่าวการติดโควิด-19 และเรื่องภาษีที่แทบไม่เสียเลย ขณะที่ของไบเดนก็คือ รายงานข่าวล่าสุดของสำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์ที่เปิดเผยข้อมูลอีเมลและภาพลับของ "ฮันเตอร์ ไบเดน" ลูกชายของโจ ไบเดน โดยเนื้อหาระบุว่าฮันเตอร์เป็นผู้ช่วย "ล็อบบี้" ให้นักธุรกิจใหญ่ผู้บริหารบริษัทก๊าซธรรมชาติจากยูเครนได้พบกับพ่อสมัยเป็นรองประธานาธิบดี และตัวฮันเตอร์ยังเคยนั่งเป็นบอร์ดบริหารของบริษัทดังกล่าวด้วย ดังนั้น หากประเด็นนี้ถูกขยายความจนกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ก็อาจช่วยให้ทรัมป์มีคะแนนตีตื้นไบเดนได้
2. ความถูกต้องของโพลล์ ที่มีรายงานออกมาจากหลายสำนักอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีการสำรวจอาจไม่ได้สะท้อน "กลุ่มประชากร" ที่หลากหลายอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นฐานเสียงของทรัมป์ นั่นคือ กลุ่มคนผิวขาวที่มีการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี
3. การวัดผลเลือกตั้ง แม้คะแนนเฉลี่ยโดยรวมทั่วประเทศของไบเดนจะนำทรัมป์อยู่ถึง 10 จุด แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้วัดกันที่ "ป๊อบปูลาร์โหวต" แต่วัดกันที่ใครจะชนะ "จำนวนรัฐ" มากกว่ากัน ดังนั้น หากต้องการดูผลโพลล์ที่สะท้อนการเลือกตั้งอย่างแท้จริง เราต้องไปดูผลโพลล์ของแต่ละรัฐ ซึ่งพบว่าหลายรัฐ "แบตเทิลกราวด์" ทรัมป์กับไบเดนยังคงมีคะแนนสูสี
4. ผลงานดีเบตรอบสุดท้าย อีกหนึ่งอีเวนต์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็คือ การ "ดีเบต" รอบที่ 2 และรอบสุดท้ายระหว่างทรัมป์กับไบเดนในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ซึ่งในตอนแรกดีเบตจะต้องมีด้วยกัน 3 รอบ แต่รอบที่ 2 ในวันที่ 15 ตุลาคมได้ถูกยกเลิกแบบกะทันหันหลังทรัมป์ปฏิเสธเข้าร่วมดีเบตแบบออนไลน์ โดยหากการดีเบตรอบสุดท้ายทรัมป์สามารถลด "ความเกรี้ยวกราด" ลงและทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย ทรัมป์ก็อาจได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังคงลังเล
5. ความผิดพลาดของไบเดน สุดท้ายปัจจัยที่อาจตัดสินว่าทรัมป์จะชนะหรือแพ้เลือกตั้งอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง แต่อาจขึ้นอยู่กับไบเดนวัยย่าง 78 ปี ว่าจะทำให้ชาวอเมริกันเชื่อมั่นใน "ความพร้อม" ทั้งร่างกาย มันสมอง และจิตใจได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันเลือกตั้งได้หรือไม่ โดยหากไบเดน "ก้าวพลาด" เมื่อไหร่ สถานการณ์อาจพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ทันที!