อินเดียติดเชื้อทะลุ 7.1 ล้าน-กังวลเริ่มการ์ดตก
อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทะลุ 7.1 ล้านคน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงกว่า 60,000 คน ซึ่งชะลอลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนเริ่มการ์ดตกไม่สวมหน้ากาก และไม่เว้นระยะห่าง จนผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขออกมาแสดงความกังวล
กระทรวงสาธารณสุขรายงานวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 66,732 คนในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 7,120,538 คน และถูกจับตามาระยะหนึ่งแล้วว่า อินเดียมีแนวโน้มอาจแซงหน้าสหรัฐกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก ซึ่งขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสม 7,991,998 คน นอกจากนี้อินเดียยังมีผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-19 รายใหม่ 816 ราย ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 109,150 ราย
แม้อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ชะลอลงโดยมีตัวเลขเฉลี่ยกว่า 70,000 คนตลอดเดือนนี้นับจากเคยพุ่งสูงสุด 97,894 คนช่วงกลางเดือนก.ย. แต่เจ้าหน้าที่ด้านสาธาณสุขเตือนมีความเสี่ยงเชื้อไวรัสโคโรนาจะแพร่ระบาดอย่างมากในช่วงเทศกาลสำคัญทางศาสนาในเร็วๆนี้ ที่จะมีคนรวมตัวจำนวนมากตามศาสนสถานและแหล่งช็อปปิ้ง นอกจากนี้พบว่าประชาชนเริ่มไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำป้องกันโรค โดยเลิกสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ หรือ เว้นระยะห่างแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญย้ำด้วยว่า โควิด-19 จะไม่หมดไป แต่จะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ทำให้สามารถเดินทางและประกอบกิจกรรมต่างๆได้ง่ายขึ้นและประชาชนปลอดภัยขึ้นได้หากทุกคนยังคงใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ที่สวมหน้ากากและเว้นระยะห่างต่อไป
ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุข เปิดเผยว่า รัฐบาลอาจทำข้อตกลงกับผู้ผลิตวัคซีนมากกว่า 1 ราย เพื่อเป็นหลักประกันว่า ประชาชนทุกคนจะได้รับการปกป้องจากไวรัส โดยเมื่อพิจารณาจากขนาดของประชากร วัคซีนตัวเดียวหรือผู้ผลิตรายเดียว ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนทั้งประเทศได้ ก่อนหน้านี้รัฐบาลคาดว่าจะสามารถจัดหาวัคซีนได้ 500 ล้านโดสภายในเดือนก.ค.ปีหน้าเพื่อฉีดวัคซีนให้กับ 250 ล้านคน