svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"สมศักดิ์"เผย15ต.ค.คิกออฟกำไลอีเอ็มติดตามนักโทษนอกเรือนจำ

10 ตุลาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"รมว.ยุติธรรม" เผย 15 ต.ค.ใช้ศูนย์อีเอ็มดูแลนักโทษนอกเรือนจำ จ่อแก้กฎกระทรวงพิทักษ์สิทธิ์ผู้ต้องขัง พร้อมดันร่างกฎหมายลดโทษจำคุกคดียาเสพติด ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของศาล -ยันนักโทษได้อานิสงส์ วอนญาติผู้ถูกคุมขังงดประท้วงไล่รัฐบาล

10 ตุลาคม 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านรายการ เรื่องเล่าชาวเรือนจำ ที่มีผู้ต้องขัง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจประชาสัมพันธ์กรมราชทัณฑ์ ว่า ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ศูนย์ควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดตามตัว หรือ กำไลอีเอ็ม จะเปิดใช้งาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทดสอบระบบไปแล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรม ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน หรือ JSOC (Safety Observation Ad hoc Center, Ministry of Justice) เพื่อติดตามผู้ต้องขังที่กระทำผิดซ้ำ หรือคดีที่มีโทษร้ายแรง จะเป็นหน่วยงานเพื่อประสานกับสังคมภายนอก ภายใต้กระบวนการยุติธรรมชุมชน ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เป็นเครือข่ายดูแลเฝ้าระวัง โดยผู้ต้องขังต้องปรับตัวในสังคม เพราะการพักโทษนั้น คือ การปล่อยให้กลับไปทำความดี ไม่ใช่ทำผิดซ้ำ หรือหากกระทำผิดซ้ำจะถูกติดตามตัวนำตัวกลับเข้าสู่เรือนจำ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทำให้การปล่อยตัว พักโทษผู้ต้องขังได้จำนวนมากขึ้น และช่วยลดความแออัดในเรือนจำ



สำหรับการพิจารณาพักโทษนั้น ตามเงื่อนไข คือ เป็นผู้ต้องขังที่ได้รับโทษมาแล้ว 2 ใน 3 ของจำนวนโทษที่ได้รับ และการพิจารณาพักโทษ จะพิจารณาโดยคณะกรรมการพักโทษ โดยปกติแล้วจะผ่านพิจารณายาก เพราะกรรมการไม่มั่นใจว่าผู้ที่ถูกพักโทษจะไม่กระทำผิดซ้ำ ดังนั้น ผู้ต้องขังที่จะได้รับการพักโทษ ต้องมีผู้ที่น่าเชื่อถือรับรอง คือ เป็นสิทธิของกรรมการพิจารณา ไม่ใช่สิทธิของผู้ต้องขัง ดังนั้น การนำกำไลอีเอ็มมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามตัวจะทำให้การพิจารณาพักโทษง่ายขึ้น



ขณะเดียวกัน ตนเตรียมเสนอแก้ไขกฎกระทรวงผู้ที่ได้รับการพักโทษ หากกระทำผิดซ้ำ จะได้รับโทษที่เหลืออยู่ ไม่ใช่เริ่มต้นรับโทษเต็มจำนวน เช่น ผู้ที่พักโทษ ไปใช้ชีวิตในสังคม 1 ปี แต่เดือนที่ 6 ทำผิดซ้ำ ต้องกลับมารับโทษในเรือนจำ 1 ปี ดังนั้น ต้องแก้ไขเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ต้องขังด้วย



"ตามอำนาจของผม ที่มีสิทธิพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องขัง ผมอาจจะพิจารณาปล่อยตัว หากจำคุกมาแล้ว 1 ใน 2 ของโทษที่ถูกตัดสิน หากผู้ต้องขังนั้นมีความประพฤติ ปฏิบัติดี และทำให้เกิดความมั่นใจว่าออกไปแล้วไม่ทำผิดซ้ำอีก โดยที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรม มีแนวทางพัฒนาศักยภาพของผู้ต้องขัง ส่งเสริมและฝึกอาชีพ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สนับสนุนและพร้อมผลักดัน โดยแนวทางฝึกอาชีพกระทรวงยุติธรรมเตรียมสร้างนิคม เพื่อฝึกงานนักโทษให้มีอาชีพ มีรายได้ และสร้างคนดีคืนสู่สังคม" นายสมศักดิ์ กล่าว

รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันนักโทษในเรือนจำ กว่า 3.8 แสนคนนั้น พบว่าเป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด กว่า 80% และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาต้องออกเป็นกฎหมาย โดยขณะนี้มีร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ที่ผลักดันในสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภา และฉบับสำคัญ คือ ร่าง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ..... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่วมของรัฐสภา

ทั้งนี้ ซึ่งเนื้อหานั้นจะทำให้ผู้ต้องขังคดียาเสพติดในปัจจุบันได้รับอานิสงส์เรื่องจำนวนปีที่ติดคุก หรือได้รับการลดโทษ ขณะเดียวกันผู้ที่ค้ายาเสพติดจะถูกยึดทรัพย์ตามมูลค่าสินทรัพย์ที่ได้จากการค้ายาเสพติด และผลักดันร่างกฎหมาย ให้ปลดล็อคกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด โดยมีเงื่อนไขใช้ใบกระท่อมเป็นพืชสมุนไพร และเป็นพืชทางเศรษฐกิจเท่านั้น ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เบื้องต้นคาดว่า 3-4 เดือนจะผลักดันสำเร็จ



อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติดนั้น จะแก้ไขการลงโทษจำคุก จากเดิมที่กำหนดช่วงเวลา เช่น มียาบ้า 1 เม็ดจากประเทศลาว โทษ คือ 10 ปี ถึงตลอดชีวิต ร่างกฎหมายใหม่แก้ไข ไม่เกิน 15 ปี การครอบครอง เพื่อเสพไม่เกิน 15 เม็ด โทษเดิมคือ จำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี ของใหม่ไม่เกิน 2 ปี คือ เปิดโอกาสให้ศาลได้ใช้ดุลยพินิจการตัดสินลงโทษ ตามเหตุและผล ซึ่งผู้ต้องขังปัจจุบันจะได้รับอานิสงส์ด้วย



"แต่การผลักดันร่างกฎหมายนี้จำเป็นต้องใช้เวลา ดังนั้น ผู้ต้องขังต้องบอกญาติข้างนอก ว่าอย่าเดินขบวนให้รุนแรง เพราะรัฐบาลหรือรัฐสภาอยู่ไม่ได้ หากกฎหมายไม่ผ่าน จะยุ่งกันใหญ่ หรือหากสะดุด รมว.ยุติธรรม คนต่อไป ไม่ทราบว่าจะทำให้หรือไม่ ทั้งนี้ สมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรีพร้อมจะผลักดัน ภายในปีงบประมาณ 2564 ทำให้สำเร็จให้ได้"รมว.ยุติธรรม กล่าว


logoline