
(17 สิงหาคม 2563) นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา เปิดภายหลังคณะทำงานชุดตรวจสอบตำรวจ ได้เชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวน บก.จร บช.น. มาให้ข้อมูล ว่า วันนี้ (17ส.ค.) พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไม่ได้เดินทางมาให้ข้อมูล
ทั้งนี้ ในวันที่ 18 ส.ค. พล.ต.ท.เพิ่มพูน จะเดินทางมาให้ข้อมูลด้วยตัวเอง ส่วนคณะทำงานของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ที่มาให้ข้อมูลวันนี้ โดยเป็นผู้ที่เห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ซึ่งคณะกรรมการ จึงอยากทราบความเป็นมาว่าอย่างไร และได้ความว่า ดูแต่สำนวน ไม่ได้ดูรายละเอียด อีกทั้ง ไม่ได้เปรียบเทียบกับของเดิม ว่ามีความแตกต่างอย่างไร ไม่ได้ดูความเป็นพิรุธ ทำตามสายงาน
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการ จึงบอกไปว่า ในข้อเท็จจริงโต้แย้งได้รวมถึงข้อกฎหมาย แต่ถ้าข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ตำรวจสามารถเพิ่มเติมได้อีก แต่ปรากฎว่าไม่ทำ อีกทั้ง ยังได้เชิญพ.ต.อ.วิรดล ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ให้ข้อมูล เพราะมีข้อสนใจว่า ทำไมจึงดึงพยานที่ปัจจุบันเรียกว่า พยานงอก 2 ปาก ทั้งที่อธิบดีผู้พิพากษา ศาลอาญากรุงเทพใต้ กับ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด (อสส.) ขณะนั้น เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงให้ยุติคำร้องขอความเป็นธรรม แต่พ.ต.ท.วีรดล ให้ความเห็นว่าเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ
"ที่เป็นปัญหาใหญ่สุด คือ พ.ต.ท.วิรดล ลงวันที่สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะสอบวันที่ 26 ก.พ. 2559 แค่ 1 ครั้ง แต่กลับไปลงวันที่ 2 มี.ค. 2559 ซึ่ง พ.ต.ท.วีรดล ก็ชี้แจงว่า ที่ลงวันที่ไว้ เพราะว่าอัยการเร่งรัด จึงอยากลงวันที่ไว้ล่วงหน้า และคิดว่าจะเรียก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาให้ถ้อยคำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อความสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.วีรดล ให้การแบ่งรับแบ่งสู้ บางอย่างก็ยอมรับ บางอย่างก็บอกไม่ใช่ จึงจะมีการตรวจสอบอีกครั้ง หลังฟังคำให้การของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์" นายวิชา กล่าว
นอกจากนี้ ส่วนตัวได้ซัก พ.ต.ท.วิรดล ทราบหรือไม่ว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ พยายามจะขอให้การเรื่องความเร็วใหม่ โดยจะยืนยันที่ 177 กม.ต่อ ชม.เหมือนเดิม ซึ่ง พ.ต.ท.วีรดล ตอบว่า ขณะนั้นไม่ได้สนใจ เนื่องจากกำลังถูกตรวจสอบอีกคดีหนึ่งอยู่ จึงไม่เป็นอันทำอะไร จึงบอกไปว่า จบแล้ว ทั้งที่จริงแล้ว ยังไม่จบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าจุดบกพร่องที่เห็นบอกได้เลยใช่หรือไม่ว่ามาจากตำรวจ นายวิชา กล่าวว่า "ก็ที่ลงวันที่แบบนี้ ลงวันที่เป็นเท็จ ใครเป็นคนทำเล่า ซึ่งก็บ่งบอกว่าพยายามจะทำให้เห็นว่า มีการสอบสวนถึง 2 ครั้ง ใช้ความเพียรพยายาม ใช้ความระมัดระวังอะไรต่ออะไร แต่ทั้งที่จริงแล้ว ใช้ช่วงระยะเวลาสอบเพียงวันเดียว"
เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.อ.วิรดล ยอมรับหรือไม่ว่าบกพร่อง นายวิชา กล่าวว่า "ไม่ใช่เขายอมรับว่าบกพร่อง แต่เขายอมรับว่า ลงวันที่ไม่จริง ซึ่งจุดนี้ไม่ต้องไปสืบเจตนาอะไร แต่เป็นเจตนาของพฤติกรรม ซึ่งเขาบอกว่า เป็นเพราะอัยการเร่งรัดมา เขาเลยอยากจะลงวันที่ไว้ล่วงหน้า เผื่อว่าจะต้องเรียก พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ มาให้ถ้อยคำอีกครั้งหนึ่ง มันจะได้สมเหตุสมผล"
ส่วนที่ปรากฎชื่อของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่พานายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาพบกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ และ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. ที่พบว่ามีการปิดห้องคุย ก่อนที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จะกลับคำให้การเรื่องความเร็วรถ
ส่วนจำเป็นจะต้องเชิญมาให้ข้อเท็จจริงหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า หลังจากสืบพยานที่เกี่ยวข้องแล้ว ต้องปรึกษาหารือหลังจากที่สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เสร็จสิ้น และจะดูอย่างละเอียดว่ามีข้อสังเกตใดหรือไม่ ไม่ได้สักแต่ว่าสอบเรื่อยๆ แต่จะดูประเด็น และวันนี้ก็เห็นชัดเจนถึงความบกพร่องและความเป็นเท็จของการทำสำนวน
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 ส.ค. จะเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน และ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาชี้แจงที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถ.พระอาทิตย์ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของพยาน ขณะนี้ได้ประสานกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ดูแลเรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานคนสำคัญคดีโดยสรุปแล้วมีความเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่จะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลอีกครั้ง ส่วนคณะกรรมการยังสงสัยประเด็นนี้อยู่หรือไม่นั้น ก็ต้องขอดูผลชันสูตรพลิกศพ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อน