ผู้เชี่ยวชาญ UN ประณามสหรัฐฯใช้ความรุนแรงปราบประท้วง

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระบุในแถลงการณ์ร่วมว่าการใช้กำลังในทางที่ผิดและการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจระหว่างการชุมนุมอย่างสงบ เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเวลาใดก็ตาม และยิ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกเมื่อเกิดขึ้นขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังเรียกร้องให้มีการรับผิดชอบต่อความรุนแรงและการเหยียดเชื้อชาติที่ฝังลึกในระบบตำรวจ

"การยิงแก๊สน้ำตาและทุบตีผู้ประท้วงที่ชุมนุมอย่างสันติปิดปากพวกเขาไม่ได้ และรังแต่จะตอกย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการพยายามให้เกิดการปฏิรูปตำรวจและความยุติธรรมทางเชื้อชาติในสหรัฐฯ" แถลงการณ์ร่วมระบุ

.

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวเตือนว่าอาจเกิดความขัดแย้งรุนแรงจากการปราบปรามการประท้วง ซึ่งรวมถึงการส่งทหารของกองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard) อย่างน้อย 62,000 นายที่ไม่ได้ฝึกฝนมาเพื่อรับมือกับการประท้วงไปปราบปราบการประท้วง


กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอ้างอิงถึงรายงานหลายฉบับที่ชี้ว่าตำรวจทำร้ายนักข่าวขณะทำข่าวการประท้วง และกล่าวว่ากฎหมายระหว่างประเทศปกป้องสิทธิของทุกคน รวมถึงสิทธิของนักข่าวในการสังเกตการณ์ จับตาดู และรายงานเหตุการณ์เช่นนี้


กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเห็นชอบกับมาตรการของหลายหน่วยงานในบางเมือง เช่น เมืองมินนิแอโพลิส ที่เปิดเวทีหารือกับชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาและองค์กรภาคประชาสังคม พร้อมทั้งตอบรับเสียงเรียกร้องให้ยุติการเหยียดเชื้อชาติที่ฝังอยู่ในระบบ รวมถึงการใช้ความรุนแรงของตำรวจ


"เสียงเรียกร้องและการมีส่วนร่วมของชุมชนที่ได้รับผลกระทบในท้องถิ่นและส่วนกลาง ซึ่งพยายามให้มีการปฏิรูประบบตำรวจจะต้องเป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน และต้องได้รับการรับรองว่าจะเกิดขึ้นจริง โดยไม่มีการล่าช้าออกไปอีก" กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระบุ

.

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ลงนามในแถลงการณ์ร่วม ประกอบไปด้วย เกลมองต์ นยาเลตซอสซี โวเล (Clement Nyaletsossi Voule) ผู้ตรวจการพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการสมาคม, เดวิด เคย์ (David Kaye) ผู้ตรวจการพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านการส่งเสริมและปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก และแอกเนส คาลลามาร์ด (Agnes Callamard) ผู้ตรวจการพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม อย่างรวบรัดและโดยพลการ

CR: xinhuathai