ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ นกร้องทักให้กลับ ออกมาเจอ จยย.ถูกงัด

มีเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า"ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่" เกิดขึ้นที่บ้านโคกเกริ่น ต.เจริญสุข  อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ กรณีที่นายลำพัน นครชัย อายุ 60 ปี และนางเฉลิมเกียรติ นครชัย อายุ 55 ปี สองสามีภรรยาเข้าไปเก็บดอกกระเจียวในป่าเขาอังคาร โดยจอดรถจักรยานยานยนต์ไว้ข้างนอกแต่ขณะเก็บดอกกระเจียวอยู่ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงนกร้องทักคล้ายบอกให้กลับ สองสามีภรรยาเชื่อว่าน่าจะเป็นสัญญาณเตือนอะไรซักอย่าง จึงรีบออกจากป่าพอมาถึงรถจักรยานยนต์ก็พบร่องรอยถูกงัดรูกุญแจพังเสียหาย จนไม่สามารถใช้กุญแจไขได้ คาดว่าเป็นฝีมือคนร้ายน่าจะพยายามมางัดขโมยรถ  แต่น่าจะได้ยินเสียงทั้งสองเดินออกมาพอดีจึงเผ่นหนีไปก่อน 

 

โดยนายลำพันและนางเฉลิมเกียรติ บอกว่า ได้พากันเข้าไปเก็บดอกกระเจียวและผัก ในป่าเขาอังคาร เพื่อนำไปประกอบอาหารบริโภค และขายเพื่อเลี้ยงชีพ ตั้งแต่เช้าแต่ขณะกำลังเก็บดอกกระเจียวได้ไม่นาน  จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงนกร้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวหงอก  เสียงคล้ายกับบอกว่า ให้ "กลับ กลับ กลับ"  ก็รู้สึกใจคอไม่ดีจึงได้ชวนกันกลับ  ทั้งที่เพิ่งเก็บดอกกระเจียวได้เพียงนิดเดียว   พอเดินออกมาใกล้ถึงจุดจอดรถ ก็ได้ยินเหมือนเสียงปิดประตูรถยนต์ แล้วรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว  แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรกระทั่งเดินมาถึงจักรยานยนต์พบบริเวณรูกุญแจมีร่องรอยถูกงัดจนพังเสียหาย และถูกลอกสติ๊กเกอร์ข้างรถออก   คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนร้ายที่พยายามจะมาขโมยรถจักรยานยนต์  แต่เคราะห์ดีที่นกร้องทักจึงออกมาก่อนเวลา   ทำให้คนร้ายไม่ทันได้ขโมยรถไป  จึงเชื่อว่าที่นกร้องทักจนต้องพากันเดินออกมาทั้งที่ยังเก็บดอกกระเจียวได้เพียงนิดเดียว เป็นเพราะเจ้าป่าเจ้าเขาที่เซ่นไหว้บอกกล่าวก่อนจะเข้าไปเก็บดอกกระเจียวในป่าช่วยไว้   ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ลูกสาวซื้อไว้ให้ใช้ทำมาหากิน ยังไม่ถูกคนร้ายลักขโมยไปได้  

 

ก็ไม่คิดว่าขนาดในป่ายังจะมีคนร้ายตามมาขโมยอีก  จากเหตุการณ์ดังกล่าวแม้ว่าจะไม่ถูกขโมยรถไป  แต่ก็ต้องไปหยิบเงินเพื่อนบ้านมาจ่ายค่าซ่อมรถอีก 1,500 บาท  ทั้งที่ดอกกระเจียวที่เก็บมาหากนำไปขายก็คงไม่เกิน 50 บาทเท่านั้น ก็อยากฝากถึงคนร้ายอย่ามาซ้ำเติมกันเลย โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตแบบนี้