พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ยกตัวอย่าง Sentinel Healthcare ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพในรัฐซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาริเริ่มเทคโนโลยีด้านสุขภาพ และได้เปลี่ยนแผนการทำงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิดฯ เขาได้สร้างแอปพลิเคชัน Sentinel Fever Tracker ที่สามารถช่วยดูแลระบบสุขภาพ โรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ และนายจ้างให้เห็นสถานะของผู้ที่เชื่อว่าจะได้รับเชื้อ ซึ่งผู้ใช้แอปฯ สามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตัวเอง ใช้ติดตามผู้ป่วยแต่ละราย ติดตามการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่สตาร์ทอัพด้าน Health Tech ของประเทศไทยจะต้องปรับตัวสร้างธุรกิจ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มารับมือกับการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างเหมาะสม ก็จะเป็นโอกาสที่จะสร้างชาติได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
"จากประสบการณ์ผมเห็นว่าธุรกิจสตาร์ทอัพมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีวิกฤตรูปแบบใหม่ จากคนที่กล้าคิด กล้าทำ ซึ่งปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนาไปไกลและเร็วมาก เราสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดังๆ หรือสร้างแพลตฟอร์มขึ้นใหม่ให้กับธุรกิจของตัวเอง และช่วงวิกฤตนี้จึงเป็นโอกาสที่สตาร์ทอัพไทย จะได้แสดงความสามารถคว้าโอกาสที่ธุรกิจด้านสุขภาพ(Health tech) กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งนอกจากจะเกิดประโยชน์กับตัวเองในแง่การทำธุรกิจแล้ว ยังจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน เป็นการร่วมมือกันสร้างชาติ ในช่วงที่ประเทศต้องเจอกับวิกฤตไวรัสโควิดฯอีกทางหนึ่งด้วย" พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว