
ในอีกด้านหนึ่งก็จะต้องปกป้องตลาดไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งเข้าไปผูกขาดหรือจำกัดการแข่งขันหรือทำให้การแข่งขันลดลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งกฎหมายการแข่งขันทางการค้าฉบับปัจจุบัน ได้มีการปรับแก้ไขมาจากฉบับปี พ.ศ.2542 และมีความชัดเจนในการบังคับใช้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการรวมธุรกิจซึ่งมีการกำหนดไว้ชัดเจนใน 2 กรณี
กรณีที่ 1 หากรวมธุรกิจแล้วทำให้เกิดการผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด (ส่วนแบ่งตลาด50% ขึ้นไป และมียอดเงินขายรวม 1,000 ล้านบาทขึ้นไป) กรณีนี้จะต้องดำเนินการขออนุญาต และได้รับอนุญาตจาก กขค. ก่อนจึงจะสามารทำการรวมธุรกิจได้
กรณีที่ 2 หากร่วมธุรกิจแล้วทำให้เกิดการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญในตลาดใดตลาดหนึ่ง(ส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า 50% และมียอดเงินขายรวม 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป) กรณีนี้ จะต้องแจ้งผลการรวมธุรกิจกับ กขค.ภายในระยะเวลา 7 วัน นับจากวันที่รวมธุรกิจเสร็จสิ้น
สำหรับกรณีของ บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (BDMS)หากมีการดำเนินการเข้าซื้อหลักทรัพย์ของบมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (BH) จริงตามที่เป็นข่าว จะต้องขออนุญาตจาก กขค.ก่อนดำเนินการ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดเป็นลำดับต้นของประเทศ ซึ่งจะส่งผลทำให้จำนวนผู้แข่งขันและสภาพการแข่งขันในตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญรวมทั้งยังจะต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและผู้บริโภคว่าจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดอีกด้วย
นอกจากนี้ กขค.ขอแจ้งเตือนผู้ประกอบธุรกิจรายอื่น ๆที่กำลังมีแผนการควบรวมธุรกิจหรือเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจอื่นให้ศึกษากฎหมายการแข่งขันทางการค้าอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันการกระทำผิดตามกฎหมายแข่งขันทางการค้าโดยมีได้ตั้งใจทั้งนี้หากไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกินร้อยละ 0.5ของมูลค่าธุรกรรมในการรวมธุรกิจ