svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ไทยพาณิชย์คาดเศรษฐกิจไทยปี 63 โต 2.7%

17 มกราคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อีไอซี คาดเศรษฐกิจไทยปี 2563 โต 2.7% ฟื้นตัวเล็กน้อยจากปี 2562 ตามการส่งออกที่ฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ส่วนเงินบาทแข็งค่าสะสมมากว่า 24% ยังคงกดดันภาคการส่งออกและความสามารถด้านการแข่งขันราคา ส่วนข้อตกลงการค้าสหรัฐและจีนเฟส 1 เชื่อผ่อนคลายเศรษฐกิจโลกมีทิศทางดีขึ้น

ดร.ยรรยงไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด EconomicIntelligence Center (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์(จำกัด) มหาชน กล่าวว่า อีไอซีคาดเศรษฐกิจไทยปี 2563 เติบโตที่ 2.7%ฟื้นตัวเล็กน้อยจากปี 2562 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 2.5%ตามภาคส่งออกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากภาวะการค้าโลกที่น่าจะปรับดีขึ้นบ้างส่วนหนึ่งเกิดจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน (Phase 1)ที่จะนำไปสู่การยกเลิกและลดภาษีสินค้านำเข้าบางส่วนที่ขึ้นไปก่อนหน้ารวมถึงแนวนโยบายการเงินและการคลังของหลายประเทศทั่วโลกที่มีทิศทางผ่อนคลายเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจอย่างไรก็ดี เงินบาทที่แข็งค่าสะสมกว่า24% เมื่อเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาและยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับแข็งค่าต่อเนื่องจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อรายได้ผู้ส่งออกในรูปเงินบาทและความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าส่งออกไทยรวมถึงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงนอกจากนั้นแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะยังขยายตัวได้แต่ก็เติบโตในอัตราที่ชะลอลงเช่นกันด้านอุปสงค์ในประเทศของภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวได้แต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยแม้ว่าภาคส่งออกจะมีโอกาสฟื้นตัวแต่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่องตามหลายปัจจัยกดดันไม่ว่าจะเป็นการลดลงของการจ้างงานโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดต่ำต่อเนื่อง รายได้นอกภาคเกษตรที่เริ่มหดตัวส่วนรายได้ภาคเกษตรก็มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากภัยแล้งรวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ล้วนส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนโดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทนในระยะต่อไปส่วนด้านการลงทุนภาคเอกชน นอกจากจะมีแนวโน้มชะลอลงตามกำลังซื้อในประเทศแล้วอัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) ที่อยู่ในระดับต่ำและระดับสินค้าคงคลัง (inventory) ภาคอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับสูงก็จะส่งผลต่อการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนในระยะข้างหน้า

ไทยพาณิชย์คาดเศรษฐกิจไทยปี 63 โต 2.7%


นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์เพื่อการบริโภคและการพาณิชย์ที่มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องรวมถึงการก่อสร้างภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ในช่วงก่อนหน้าก็จะเป็นอีกปัจจัยกดดันภาคอุปสงค์ในประเทศในระยะต่อไป อย่างไรก็ดี ภาครัฐจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการประคับประคองเศรษฐกิจปี2563 ทั้งในรูปแบบการกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลกลุ่มเปราะบางระยะสั้น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการกำหนดแนวนโยบายเศรษฐกิจที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน(Enabler) โดยเฉพาะการเปิดประมูลโครงการ 5G ที่จะผลักดันให้เกิดการลงทุนภาคโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมประกอบกับการจัดทำงบประมาณที่ล่าช้าจากเมื่อปลายปี 2562จึงทำให้หลายโครงการมีการเลื่อนเบิกจ่ายมาในปี 2563สำหรับภาวะการเงินในประเทศอัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องทั้งปี ขณะที่เงินบาทจะมีแรงกดดันให้อยูในระดับแข็งค่าต่อเนื่องโดยอีไอซีคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)จะยังใช้นโยบายการเงินในระดับผ่อนคลายต่อเนื่องเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดย กนง.มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25% ตลอดทั้งปี 2563 และอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีก1 ครั้งหากเศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าที่คาดสำหรับค่าเงินบาทมีแนวโน้มทรงตัวในระดับแข็งค่าต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตราแลกเปลี่ยน ณ

"สิ้นปี 2563 จะอยู่ในช่วง 29.5 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐตามแรงกดดันของดุลบัญชีเดินสะพัดไทยที่ยังจะเกินดุลในระดับสูงขณะที่การเปิดเสรีการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติมทั้งด้านการทำธุรกิจและการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจะมีส่วนลดแรงกดดันค่าเงินบาทได้ค่อนข้างจำกัดในระยะสั้นและคงต้องใช้เวลาในการลดข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง เช่นการเพิ่มความรู้ความเข้าใจทางการเงิน การยกระดับความสามารถ"ขณะที่ ความเสี่ยงหลักของเศรษฐกิจไทยปี2563 มี 3 ปัจจัย ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสงครามการค้า ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์และความเปราะบางทางการเงินของภาคครัวเรือนและธุรกิจ ด้านสงครามการค้าแม้ล่าสุดจะมีข้อตกลงการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน (Phase-1deal) แต่นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนสูงและอาจกระทบต่อการค้าโลกได้ อาทิ การเจรจากับจีนในระยะต่อไปการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป และการพิจารณาของสหรัฐฯในการตัดสิทธิ GSP ของหลายประเทศส่วนความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (geopoliticalrisks) โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯการประท้วงที่ยืดเยื้อในฮ่องกง และประเด็น Brexit ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกขณะที่ความเสี่ยงภายในประเทศ คือ ความเปราะบางทางการเงินของภาคครัวเรือนและธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มที่มีหนี้ในระดับสูงและการสร้างรายได้ถูกกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี (technology disruption) และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

logoline