บริเวณ สภ.พุทธมณฑล ได้เริ่มมีชาวบ้านที่ทราบข่าว ได้เข้ามาปักหลักรอเพื่อที่จะขอดูหน้า นายรชฎ ซึ่งนายกฤษดา เผ่าพงษ์ อายุ 33 ปี ชาวศาลายา บอกว่าอยากจะมาดูหน้าคนที่ดูถูกคนไทยซึ่งตรงนี้จะบอกว่าหากไม่อยากเป็นคนไทยให้ย้ายออกไปอยู่ต่างประเทศได้ ซึ่งยิ่งดึกยิ่งมีจำนวนคนมาเพิ่มขึ้น จาก 4-5 คนเป็น 80-100 คน โดยประชาชนล้นไปถึงริมถนนหน้า สภ.พุทธมณฑล และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนในห้องสอบสวนเมื่อสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนได้ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ และได้แจ้งข้อกล่าวหากับ นายรชฎ ในข้อหา ในมาตรา 393 ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22) พ.ศ. 2558]
โดยบิดาของนายรชฎ บอกว่าบุตรชายได้ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ 6 ขวบและเพิ่งกลับมาจากประเทศฝรั่งเศสประมาณ 1 ปี คงไม่ชินกับประเทศไทยและเป็นคนรักรถมากและไม่ได้กล่าวอะไรมากนักในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าว โดยได้รับกับพนักงานสอบสวนว่าลูกชายมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เคยได้รับการรักษาอาการที่โรงพยาบาลมนารมย์ บางนา ซึ่งตอนนี้ได้ยังรับประทานยา ESIDEP 10 Mg โดยได้เอามาแสดงต่อหน้า ผู้กำกับการตำรวจสภ.พุทธมณฑล ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการส่งตัวไปที่ศาลแขวง เพื่อส่งดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป โดยหากไม่มาจะมีการออกหมายจับกุมทันที
นายนันทวัฒน์กมลรัมย์ได้เดินทางมาพบกับพันตำรวจโทบุญพาปาละแมรองผกก.สอบสวนเพื่อให้ปากคำสำหรับการดำเนินคดีกับนายรชฎซึ่งเป็นการแบ่งการสอบสวนออกเป็น2ฝั่งเพื่อให้รวดเร็วมากขึ้นเนื่องจากเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาเพิ่มเติมตลอดเวลาและมีการด่าทอและมีการไลฟ์สดในบรรยากาศเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
เวลาประมาณ23.00น.ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมเข้ามาว่าประชาชนเริ่มมีจำนวนมากขึ้นตะโกนหน้าสภ.พุทธมณฑลให้หนุ่มหัวร้อนออกมาอารมณ์ประชาชนณเวลานี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มประชิดประตู สภ.พุทธมณฑลขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องทำการปิดล็อคประตู