พร้อมกันนี้ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการทุกรายห้ามละเมิดกฎอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกปิดแอ๊พถุงเงินทันทีและจะถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐบาลในอนาคตทั้งนี้เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่ายังมีผู้ประกอบการบางรายที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของกระทรวงการคลังด้วยการเปิดรับแลกสิทธิ์ 1,000 บาท เป็นเงินสดหรือแลกสิทธิ์ข้ามจังหวัด เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้าของเฟส 2 นั้นกระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 ต.ค.หวังดึงประชาชนร่วมโครงการจาก 10 ล้านคน ประมาณ 2-5 ล้านคนการเพิ่มจำนวนร้านค้าด้วยการดึงเครือข่ายลูกค้าของธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมอีกราว 1 แสนร้านค้า หลังจากเฟสแรกมีร้านค้าใหม่มาร่วมโครงการเกือนแสนราย รวมทั้งต้องปรับเวลาการลงทะเบียนเป็นกลางวันและหวังขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการออกไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 62เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว เมื่อ ครม.พิจารณาเห็นชอบแล้วจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน สิ่งจูงใจในการร่วมลงทะเบียนโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2กระซิบบอกได้เลยว่าน่าสนใจไม่แพ้ชิมช้อปใช้เฟสแรกอย่างแน่นอน
สรุปยอดการใช้จ่ายจนถึงวันที่ 18 ต.ค.62 มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 8,676.8 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจากกระเป๋า 1จำนวน 8,537.2 ล้านบาท จากกระเป๋า 2 จำนวน 139.6ล้านบาท แบ่งเป็นร้านชิม จำนวน 1,241.0ล้านบาท ร้านช้อป จำนวน 4,847.1 ล้านบาท ร้านใช้ จำนวน 116.4ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,472.3 ล้านบาท