"ดีเอสไอ" ติดตามเส้นทางเงิน "วิคตอเรีย"

แหล่งข่าวจาก ดีเอสไอ เปิดเผยว่า การติดตามเส้นทางเงิน ยึดตามคำพิพากษาศาลลงโทษจำเลยเป็นหลัก แต่หากบุคคลคนอื่นมีพฤติการณ์ฟอกเงิน ดีเอสไอ ก็จะดำเนินคดีด้วย แต่ตอนนี้กำลังดูเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องในคำตัดสิน

ทั้งนี้ คำพิพากษาคดีหมายเลขดำ คม.25/2561 วันที่ 27 ส.ค. 2561 ศาลอาญาตัดสินจำคุก
นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือ ป๋ากบ จำเลยที่ 2 นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก ในฐานะผู้มีอำนาจ บริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 3 ศาลให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ฐานร่วมเป็นเจ้าของหรือควบคุมค้าประเวณีเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ.2539 (ทั้งสองถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี)
น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนจำกัด ในห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการวิคตอเรีย ให้ลงโทษสถานเบา จำคุก 8 เดือน (จำเลยถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างพิจารณาคดี)
และให้จำคุก 6 ปี นายเดชา หรือสิงห์ สาครเดชา จำเลยที่ 6 (จำเลยได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ.2539 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรข้ามชาติ พ.ศ.2556 โดยจำเลยเป็นผู้ขับรถกระบะพาเด็กสาวผู้เสียหายที่ถูกส่งตัวจาก กทม.ไป อ.สะเดา จ.สงขลา ไปค้าประเวณียังประเทศมาเลเซีย
ศาลให้ยกฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ เพราะพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังให้ลงโทษ
ส่วนสำนวนที่ 2 หมายเลขดำ คม.26/2561 ร่วมกระทำผิดต่อเด็กสาวอายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี
ศาลพิพากษา ว่า นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก จำเลยที่ 1 นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ จำเลยที่ 2 นายชัยณรงค์ หรือป๋าสง่า จำเลยที่ 3 นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือพี่ป๊อป อายุ 29 ปี มีความผิดเป็นธุระจัดหาฯ จำคุกคนละ 15 ปี 12 เดือน (จำเลยทั้งสามถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี)
รวมทั้ง 2 สำนวนแล้ว จำคุกนายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก กับนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ ทั้งสิ้น 18 ปี 16 เดือน
ส่วน น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 7 ปี 6 เดือน (จำเลยถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างพิจารณาคดี) รวมจำคุกทั้ง 2 สำนวนแล้ว 7 ปี 14 เดือน
ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาค้ามนุษย์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ทำความเห็นเสนอให้อุทธรณ์คดีทั้ง 2 สำนวนนี้ในส่วนที่มีการยกฟ้องข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์
ขณะที่คดีในส่วนของนายมนัส หรือป๋านัส อ่วมทับ อายุ 48 ปี และนายสมชาย หรือป๋าต้น แสงอุดม อายุ 52 ปี จำเลยร่วม ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานเชียร์แขก ที่แยกฟ้องคดีหมายเลขดำ คม.24/2561
ศาลพิพากษาให้ลงโทษในข้อหาเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามฯ