นายวิวัฒน์ฯ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับพ่อและแม่ของ น้องลัลลาเบล รวมทั้งได้แจ้งให้ทางครอบครัวของน้องทราบว่า หากเข้าหลักเกณฑ์ของผู้เสียหายในคดีอาญา สามารถยื่นขอรับเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายได้ ตาม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ได้
นายวิวัฒน์ฯ กล่าวอีกว่า ครอบครัวของน้องดีใจและพอใจที่มีหน่วยงานจากภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้รู้สึกมีที่พึ่งไม่ว้าเหว่ และต้องการให้เราช่วยเรื่องคดี เพราะมีความกังวลว่าตำรวจจะไม่ตามคดีให้จนเรื่องเงียบหาย เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี กลัวว่าผู้กระทำผิดจะวิ่งเต้นจนหลุดคดี ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรมรับปากแล้วว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ และจะมีการจัดหาทนายความและค่าเดินทางให้ ยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรมจะไม่ทอดทิ้งและเดินหน้าหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
ด้านนายสามารถฯ กล่าวว่า ในคดีนี้เบื้องต้นมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเราจึงต้องประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก เพราะในปัจจุบัน สารตั้งต้นของยาเสพติดเข้าสู่สังคมได้ค่อนข้างง่าย เช่น ยาเค เมทแอมเฟตามีน ยาอี ที่มีฤทธิ์กดและกล่อมประสาท รวมทั้งยาเสียสาว ที่มักนิยมใช้ในงานปาร์ตี้ ดังนั้น เราต้องให้ความรู้โดยเฉพาะกับเยาวชน รวมทั้งกวดขันจับกุมอย่างเข้มงวด อาทิ ในสถานบันเทิง รวมทั้งบ้านพักที่มักจะจัดปาร์ตี้อยู่บ่อยครั้งด้วย นอกจากนี้ เห็นควรให้มีศูนย์กลางการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน โดยจะนำข้อเสนอเหล่านี้นำเรียนต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อไป
นายสามารถฯ กล่าวอีกว่า ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชน รวมทั้งประชาชนทุกท่านที่ช่วยกันสืบหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี ซึ่งขอให้ทางครอบครัวของน้องลัลลาเบลวางใจ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคดี กระทรวงยุติธรรมจะหาผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็ว ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม คือ ความยุติธรรมต้องเข้าถึงทุกชนชั้นอย่างเท่าเทียม