ดีเดย์งดใช้ถุงพลาสติกปี 63 ทำได้จริง หรือแค่ฝันไป?
แต่ถึงแม้จะไม่ใช้ถุงพลาสติก สิ่งของต่างๆก็ยังห่อหุ้มด้วยพลาสติกอยู่ดี ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าการงดใช้ถุงพลาสติกจะช่วยลดขยะพลาสติกลงไปได้สักเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย...
หลังสัตว์ทะเลและสัตว์ป่า กินขยะพลาสติก จากมนุษย์ที่ทิ้งไม่เป็นที่ทางเข้าไปแล้วตาย จนเกิดเป็นข่าวสลดเมื่อผ่าท้องดู บางตัวพบถุงพลาสติกเป็นกิโลกรัม นำมาสู่คำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเลิกใช้ถุงพลาสติก แบบพร่ำเพื่อ
มากไปกว่าการกินถุงพลาสติกเข้าไปของสัตว์ต่างๆ คือสิ่งแวดล้อมที่ย่ำแย่ลงจากขยะถุงพลาสติกเหล่านี้ ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ในเวลาอันสั้น กลายเป็นภาระในการกำจัดขยะ ที่มีความที่มีจำนวนมากขึ้ทุกปี
การกำจัดขยะด้วยการเผาไหม้ ได้สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อม ปล่อยมลพิษ และแก๊สเรือนกระจก ที่ส่งผลซ้ำเติมต่อภาวะโลกร้อนด้วย
ท่ามกลางปัญหาธรรมชาติมากมาย การจัดการขยะน่าจะเป็นหนทางที่ง่ายที่สุด ที่มนุษย์จะเริ่มต้นลงมือได้ทันที หากยังไม่สามารถที่จะลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลหรือการเผาผลาญทรัพยากรจากแหล่งธรรมชาติอื่นๆได้ ก็คงจะทำได้แค่เริ่มต้นจากการจัดการขยะ
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการลดใช้ถุงพลาสติกไม่ใช่ประเทศที่พัฒนาแล้วแต่เป็นประเทศรวันดา ที่เคยเป็นข่าวตามสื่อไทย แม้เป็นประเทศที่เคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แต่ปัจจุบัน แก้ปัญหาความขัดแย้ง และเอาจริงเอาจัง กับการรักษาสิ่งแวดล้อม จนถุงพลาสติกไม่มีอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเขา
ประเทศอื่นๆในโซนยุโรปก็เช่นเดียวกัน มีการลดใช้ถุงพลาสติกไปบ้างแล้ว จะมีก็แต่ประเทศในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอัตราการใช้ถุงพลาสติกมากที่สุด แล้วยังไม่เห็นแนวทาง ที่จะจำกะฝัด หรือเลิกใช้อย่างจริงจัง แม้แต่ผู้นำประเทศยังคงกินข้าวจากกล่องพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
แต่ดูเหมือนว่า ในช่วงเวลานี้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนราชการต่างๆจะเอาจริงเอาจังกับการงดใช้ถุงพลาสติก หลังนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมรับความผิดพลาดจากการกินข้าวจากกล่องพลาสติก จนเกิดกระแสสังคม ว่าผู้ขนาดนำยังเพิกเฉย จึงมีข้อสั่งการให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ นี่ก็นับเป็นความตื่นตัวอีกรูปแบบหนึ่ง ให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังจากรัฐในการเลิกใช้พลาสติก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วราวุธ ศิลปอาชา บอกวันนี้ว่า ตามโรดแมปการจัดการขยะพลาสติก ปี พ.ศ. 2561-2573 มีขยะพลาสติก 4 ประเภทที่ประเทศไทยต้องเลิกใช้ในภายปี 2565 หนึ่งในนั้นคือ "ถุงพลาสติกหูหิ้ว"
"ต้องขยับการเลิกใช้ถุงพลาสติกชนิดนี้ให้เร็วขึ้นที่ภายในปี 2564" คือคำกล่าวของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ที่ยืนยันกับสาธารณชน พร้อมระบุว่า ขณะนี้ได้เจรจากับห้างและร้านค้าสะดวกซื้อรายใหญ่ 43 ราย เพื่อร่วมนโยบายงดแจกถุงพลาสติกหูหิ้ว
"คาดว่าเราจะสามารถเริ่มมาตรการนี้ได้ ภายในวันที่ 1 มกราคม 2563 ซึ่งเหลืออีกไม่กี่เดือน ขอให้ปนะชาชนเตรียมตัวพกถุงผ้าช้อปปิ้งให้เป็นนิสัยไว้ตั้งแต่วันนี้กันเลย ลดความสะดวกสบายลงสักนิด ต่ออายุให้โลกและสิ่งแวดล้อมอยู่คู่มนุษย์เราไปได้อีกนานครับ" รัฐมนตรี ระบุ
และบอกต่อไปว่า " เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปี 2563 ถ้าปีหน้าจะเอาจริงเอาจังกับการเลิกใช้ถุงพลาสติกก็คงจะต้องมีการออกกฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง ออกมาไม่เช่นนั้นคนก็อาจจะไม่ปฏิบัติตาม"
ฟังจากสุ้มเสียงของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมคนนี้ คงต้องจับตาดูว่า ในวันปีใหม่ของศักราช 2563 ชีวิตของเรายังจะมีถุงพลาสติกในชีวิตประจำวันหรือไม่ แต่หากจะดูอนาคต เราคงดูได้จากปัจจุบันว่าเราสามารถที่จะพกถุงผ้าออกไปซื้อของยังร้านสะดวกซื้อ ได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ดีเดย์ ที่รัฐมนตรีวางไว้ ก็อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเรายังปล่อยตามความเคยชินทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม จนกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวจะบังคับให้เราปรับเปลี่ยน
รวมถึงธุรกิจถุงพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ต่างๆคงปรับตัวยกใหญ่ คงจะต้องเปลี่ยนมาผลิตถุงจากชานอ้อยหรือพับถุงกระดาษแทน เพื่อให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยังอยู่รอด
แต่ถึงแม้จะไม่ใช้ถุงพลาสติก สิ่งของต่างๆก็ยังห่อหุ้มด้วยพลาสติกอยู่ดี ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าการงดใช้ถุงพลาสติกจะช่วยลดขยะพลาสติกลงไปได้สักเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย...
#วชิรวิทย์ #วชิรวิทย์รายวัน #vajiravit #vajiravitdaily #NationTV #Nation