เพราะสาวต่ายโพสต์ภาพดังกล่าว พร้อมกับข้อความว่า "เทอม 2 แล้ว ขอให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรง #เพื่อพิพิมหม่าม๊าทำได้ทุกอย่าง #PipimSfavoritePhoto #ไม่ได้นัดกันจ่ะทุกคนไม่ต้องตื่นเต้น"
ส่วนทางด้าน "ทิม" พิธา ลงรูปดังกล่าวเช่นกัน พร้อมข้อความว่า "ไม่ว่าลูกจะทำอะไร แม่กับพ่อจะอยู่แถวหน้าเสมอ Watch you grow and we'll always be in the front row !"
ล่าสุดผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอสาวต่ายที่มาร่วมงานฉลองเปิดช็อป "KIS BEAUTY STORE" ที่ KIS Beauty Store ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จึงถามถึงเรื่องนี้
ไปส่งพิพิมเข้าโรงเรียน พร้อมหน้าพร้อมตา?
"ต่างคนต่างไป"
เป็นกิจกรรมอะไรถึงไปเจอกัน?
"ไม่ได้ไปเจอกันนะ เป็นวันเปิดเทอมวันแรก เขาให้ผู้ปกครองไปอยู่กับน้องตลอดทั้งวัน เราก็เลยไป"มีการนัดกันล่วงหน้า?
"ไม่มี เราไม่ได้ทราบก่อน แต่คือเราคอยติดตามจากโรงเรียนอยู่แล้ว"เขามีการชวน หรือเกริ่นกับเราไหม?
"ไม่มี"คือเราสืบรู้เองว่ากิจกรรมลูกมีอะไรบ้าง?
"ใช่เพราะว่าเราก็ต้องดูแลลูก"
คือวันนั้นเป็นเวรเขาดูแลลูกใช่ไหม?
"ใช่ๆ คือ...ถ้าลูก คือถ้าเราสามารถไปร่วมกิจกรรมกับลูกได้ เราก็ไปอยู่แล้ว คือเราตั้งใจไปร่วมกิจกรรมที่ต่างโรงเรียนจัดให้พ่อแม่ไป"เขาได้บอกไหมว่าทำไมเขาไม่บอกเราว่าวันนี้มีกิจกรรมลูก?
"คือรู้คำตอบอยู่แล้ว เลยไม่ได้ถาม (หัวเราะ)"
บรรยากาศเป็นยังไงบ้าง เมื่อได้เจอกัน?
"ก็เฉยๆ (หัวเราะ) ถามว่ามีทักทายพูดคุยกันบ้างไหม ก็ไม่ค่อยมีอะไร"
เป็นการได้เจอกันในรอบนานแค่ไหน?
"ก็นานนะ นานเหมือนกัน ไม่ได้จำว่าเจอกับใครเมื่อไหร่"
พิพิมเป็นยังไงบ้าง ที่พ่อแม่มาอยู่ข้างๆ เขา?
"เขาก็ดีใจ อย่างที่เราเคยบอกว่าเขาอยากได้แฟมิลี่เดย์ให้ลูกอยู่แล้ว"วันนั้นมีกิจกรรมอะไรให้ทำกันบ้างระหว่างลูกกับพ่อแม่?
"ครูเขาก็มีอินโทรดั๊กชั่นว่าทำอะไร เทอมนี้มีอะไร ครูประจำชั้นคนใหม่คือใคร"ต่ายกับทิมก็ต้องทำกิจกรรมร่วมกันกับลูกตลอดทั้งวันไหม?
"ประมาณครึ่งวัน"
พอลงรูปไปแล้วมีฟีดแบ็คมาในคอมเม้นท์อย่างไงบ้าง?
"มีดูบ้างจริงๆต้องดีใจแทนลูกมากกว่าเพราะว่าเขาอยากได้แฟมิลี่เดย์"แล้วปฏิกิริยาพิพิมเขาเป็นยังไงบ้าง พ่อแม่มาอยู่กันพร้อมหน้า?
"เขาก็ดีใจเพราะจริงๆเขาอยากให้เป็นอย่างนี้มานานแล้วหมายถึงว่ามาที่โรงเรียนเป็นครอบครัวได้ไหมคือเขาก็มีพูดแต่ก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้นคือเขามีพูดบ้าง"เขามีถามไหมว่าเวลาที่ต่ายไปส่งเขาที่โรงเรียนแล้วไม่มีคุณพ่อ?
"จริงๆเขาก็จะถามทุกเรื่องอยู่แล้วเพราะมันเป็นวัยของเขาที่จะชั่งอยากรู้ช่างอยากถามเป็นปกติของเด็กอยู่แล้ว"
มีแอบเป็นห่วงไหมวันนึงเขารู้เรื่องมากๆการตั้งคำถามเขาอาจจะชัดเจนมากกว่านี้?
"คือเป็นห่วงเขาเป็นห่วงอยู่แล้วแต่ในส่วนของการตั้งคำถามเราเองก็เตรียมวางแผนในการตอบหรืออะไรก็ตามให้มันเหมาะสมตามวัยของเขาหรือเรื่องที่เขาสมควรจะรับรู้ในช่วงนั้นๆคือเราเองก็มีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตลอด"
ในวัยเขาตอนนี้เราบอกกับเขายังไงเวลาเขามีคำถาม?
"ก็จะบอกเขาว่าคุณพ่อทำงานคุณแม่ทำงานอะไรแบบนี้เขาก็เข้าใจคือเราสอนเขาเป็นเชิงเหตุผลอยู่แล้ว"
เขามีถามอะไรเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่บ้างไหม?
"คือเหมือนกับเราทำทุกอย่างให้มันเป็นเชิงบวกหมายถึงว่าเราทำทุกอย่างให้มันเป็นเรื่องปกติอย่างเขาต้องไปมา 2 บ้านเราก็จะบอกว่าดีออกที่เขามี 2 บ้านคือเราอยากทำให้เขาเป็นเด็กที่โตมาโดยที่จิตใจไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาเพราะจริงๆแล้วมันคือเรื่องปกติที่มันเกิดขึ้นได้"
เรื่องการตอบคำถามให้ลูกมีการปรึกษากับทางทิมไหม?
"ไม่ได้คุยกันค่ะ"
อย่างวันที่ได้เจอกันก็ไม่ได้มีการคุยกันในเชิงลึก?
"ไม่มีหลักๆถ้าจำเป็นก็คุยกันเรื่องลูกคือถ้าจำเป็นค่อยคุย"
ไม่ได้คุยกันมานานแค่ไหน?
"ไม่ได้สนใจไม่ได้สนใจเลยว่าว่าเมื่อไหร่ยังไง"
คือต่างคนต่างทำหน้าที่ของพ่อและแม่ของตัวเองกันไป?
"ใช่ๆๆเพราะเราก็โฟกัสที่ลูกอย่างเดียว"
ถ้ามีกิจกรรมโรงเรียนจะเป็นไปได้ไหมที่เราและเขาจะไปทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อลูกแบบนี้บ่อยๆ?
"คือจริงๆไม่ต้องโรงเรียนคือเราอยากได้ 1 วันต่อสัปดาห์ที่จะให้ลูกอยู่แล้วคือเราก็มีการบอกกับเขาไปหลายครั้งแต่เขาก็...(ไม่สะดวก) ไม่ทราบเพราะเราเองก็มีแจ้งไปหลายครั้งว่าจริงๆควรมีวันให้ลูกแต่คือเขาก็ไม่ได้ให้คำตอบเรา"
แต่งรูปที่ลงพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกหลายคนก็มองในเชิงบวกว่าน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น?
"มันก็คือรูปหนึ่งมันก็คือรูปหนึ่งที่แบบทำเพื่อลูกแบบนี้ตอนที่ลงคือเราทำอะไรเราก็ลงไปแบบนั้นโดยธรรมชาติอย่างที่เราเขียนตามแคปชั่นนั้นจริงๆว่ามันเป็นรูปที่พีพิมชอบมากที่สุดเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาก็จะพกรูปพ่อแม่ลูกอยู่แล้วรูปโปรดของเขานี่ก็ถือว่าเป็นรูปใหม่ที่ลูกชอบ"
ในส่วนสถานการณ์ของต่ายกับทีมก็ยังต้องอยู่ในช่วงการเจรจากันต่อไปใช่ไหม?
"ใช่ๆก็ยังไม่ได้จบ"