ส่วนผลการจัดเวทีเจรจาธุรกิจ (BusinessMatching) มีผู้นำเข้าตอบรับเข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทยจำนวน375 ราย มีมูลค่าการเจรจาการค้าทั้งสิ้น 2,509,925 ดอลลาร์ หรือประมาณ 77.51 ล้านบาทแบ่งเป็น การสั่งซื้อทันทีภายในงาน 186,425 ดอลลาร์ หรือ 5.75 ล้านบาทและคาดการณ์การสั่งซื้อภายใน 1 ปี 2,323,500 ดอลลาร์ หรือ 71,75 ล้านบาท
สำหรับสินค้าที่ได้รับความสนใจ ได้แก่เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและร่างกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม อาหารผลิตภัณฑ์จากพลาสติก รองเท้า ชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์สำหรับล็อคบ้านและรถยนต์สีพ่นซ่อมรถยนต์ เป็นต้น และยังมีสินค้าที่มีศักยภาพอื่นๆที่ไม่เคยนำมาเจาะตลาดปากีสถานมาก่อน แต่ได้รับความสนใจ และสามารถเปิดตลาดได้ เช่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องยนต์ดีเซล เตาแก๊ส (Gas Stove) กาวอุตสาหกรรมสีอุตสาหกรรม แผ่นพลาสติกลูกฟู (Corrugated Plastic สำหรับใช้ทำบรรจุภัณฑ์ทำแผ่นป้ายโฆษณา และเครื่องเขียน)
ทั้งนี้ เฉพาะเตาแก๊สของ LuckyFlame นอกจากได้รับความสนใจจากผู้นำเข้าแล้ว บริษัท LuckyFlame จำกัดยังได้รับข้อเสนอจากผู้นำเข้าเพื่อร่วมทุนผลิตเตาแก๊สในปากีสถานอีกด้วย ซึ่งบริษัทLucky Flame จำกัด มีความสนใจ และได้เชิญผู้นำเข้าไปชมโรงงานในเดือนสิงหาคม2562
นางสาวบรรจงจิตต์กล่าวว่าการจัดงานแสดงสินค้า Top Thai Brands 2019 ณ เมืองการาจี ปากีสถาน ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และเป็นไปตามนโยบายการเจาะตลาดเมืองรองที่มีศักยภาพโดยกรมฯ เห็นว่า ควรจะมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าไทยและกระตุ้นความต้องการสินค้าไทยให้เพิ่มขึ้นและอาจพิจารณาจัดในเมืองอื่นที่มีศักยภาพ เช่น ละฮอร์ ด้วย
นอกจากนี้ ปัจจุบันไทยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ปากีสถานคาดว่าการเจรจาจะสำเร็จและมีการลงนามกันได้ในเร็วๆ นี้ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกำลังพิจารณาข้อเสนอแนะที่จะให้มีการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศที่ปากีสถาน เพื่อใช้เป็นกลไกในการขยายการค้าและส่งเสริมการส่งออกของไทยไปยังปากีสถานให้ได้เพิ่มขึ้น