ไม่ง่ายเลยที่คนเมือง จะประสบความสำเร็จในการแยกขยะ เพราะท้ายที่สุดก็ต้องทิ้งรวมกันอยู่ดี แต่ห่างไกลออกไปจากเมืองหลวง ชุมชนชนบททั่วประเทศตื่นตัว กับการจัดการขยะ แม้จะไม่ใช่ผู้สร้างขยะจำนวนมาก แต่การมีบ่อขยะในชุมชน กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ "เมื่อไม่มีบ่อขยะ ก็จึงต้องไม่มีขยะ"
"ชุมชนไผ่กองดิน" จังหวัดสุพรรณบุรี ประสบความสำเร็จเป็นชุมชน Zero Waste แต่กว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ง่ายนัก
นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลไผ่กองดิน บอกว่า เริ่มนำชุมชนนำร่องเข้าสู่โครงการปลอดขยะหรือ Zero Waste อย่างจริงจังเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากประสบปัญหาขยะล้นเทศบาล และไม่มีที่ฝังกลบเป็นของตัวเอง จึงชักชวนชาวบ้านให้เริ่มแยกขยะอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นอกจาก ทำให้ปริมาณขยะที่เทศบาลต้องจัดการลดลงอย่างมาก เหลือแต่เพียงกำจัดขยะอันตรายที่ต้องจัดการอย่างถูกวิธีแล้ว ยังทำให้ชาวบ้านมี "รายได้" เพิ่มจากการคัดแยกขยะและแปรรูปขยะเหลือใช้เป็นของใช้ใหม่ได้อีกครั้งด้วย
หญิงวัย 60 ปี ยังคงทำงานบ้านอย่างคล่องแคล่ว มากกว่าการทำงานบ้านคือการเก็บรวบรวมขยะมารีไซเคิล "บุญกึ่ง ดวงจันทร์" ประธานชุมชน 3 ตำบลไผ่กองดิน อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี บอกว่า ขยะที่นำมาแปรรูปเป็นสินค้าใหม่ มีตลาดรับซื้อ และมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอีกราว 2,000 บาทต่อเดือนปัจจุบันเทศบาลตำบลไผ่กองดินมีประชากรจำนวน 600 หลังคาเรือน 1,800 คน จำนวนนี้ดำเนินการ ไปแล้ว 50% ของครัวเรือนในเทศบาลทั้งหมด ที่นี่พร้อมตั้งเป้าเป็นเทศบาลปลอดขยะ 0% หรือ Zero Waste ภายในปี 2564
บ้านที่อยู่ติดกัน บุญกึ่ง คือบ้านของประจวบ กลั่นศรี วัย 71 ปี นอกจะแยกขยะทั่วไปแล้ว ยังแยกเศษอาหาร ซึ่งเป็นขยะอินทรีน์ออกมา เพื่อนำไปเลี้ยงไส้เดือน
การเลี้ยงไส้เดือนจากเศษอาหาร แทบไม่มีต้นทุนอะไรเลย ทั้งยังมีรายได้จากการขายไส้เดือน กิโลกรัมละ 25 บาทหรือ 4 กิโลกรัม 100 บาท ต่อเดือนมีรายได้จากการขายไส้เดือน 2000-3000 บาทการเป็นชุมชนปลอดขยะนอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังจะเห็นได้ว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ชุมชนเหล่านี้ประสบความสำเร็จ คือ "การมีรายได้เพิ่มจากขยะที่ไร้ค่า" ซึ่งที่เป็นจุดขายสำคัญ ของชุมชนไร้ขยะ ที่รัฐควรส่งเสริมอย่างจริงจัง ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ