ทั้งนี้ นอกจากการเข้าไปช่วยพัฒนารูปแบบสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดแล้วจีไอทียังมีโครงการที่จะสร้าง "มาตรฐานเครื่องประดับทองไทยโบราณ" หรือ "Thai Heritage" เพื่อสร้างแนวทางในการอนุรักษ์ศิลปะและงานฝีมือโบราณของทองสุโขทัยโดยการจัดประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการ ร้านทอง ครูช่าง เพื่อร่วมหาแนวทางในการรวมรูปแบบของทองโบราณหลักเกณฑ์การจำแนกลวดลายทองโบราณและทองร่วมสมัย เกณฑ์ความบริสุทธิ์ของทองโบราณเพื่อสร้างมาตรฐานของเครื่องประดับทองไทย ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย
ขณะเดียวกัน จีไอทีจะเข้าไปแนะนำให้ผู้ผลิตผู้ประกอบการท้องถิ่น มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการรับรองคุณภาพเครื่องประดับโลหะมีค่าตามมาตรฐานHallmark การเผยแพร่โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ(Buy With Confidence : BWC) และการตรวจสอบโลหะมีค่าเนื่องจากการผลิตเครื่องประดับในสุโขทัยนิยมใช้เงิน และทองคำเป็นตัวเรือนหลักเพื่อสร้างมาตรฐานและคุณภาพให้เทียบเท่าระดับสากล
นางดวงกมล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จีไอทีได้ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อเข้าไปช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในจังหวัด โดยนำร่องนำ "นิล" ซึ่งเป็นอัญมณีที่มีมากในกาญจนบุรีมาออกแบบโดยหยิบยกอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อสร้างเครื่องประดับร่วมสมัยและเป็นที่นิยมในท้องตลาดและช่วยในด้านการทำตลาดในยุค 4.0 ผ่านการทำตลาดออนไลน์เพื่อให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าสินค้าได้มากขึ้น
"เบื้องต้น ได้คัดเลือกผู้ประกอบการในจังหวัดจันทบุรีเข้าร่วมโครงการจำนวน2 ราย คือ อนันตพลพลอยกาญจน์ และปิตุกาญจน์จิวเวลรี่ โดยมอบหมายให้ น.ส.ฝนทิพย์เตทรัพยสุวรรณ นักออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับ เจ้าของแบรนด์ Fonthip ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการออกแบบที่โดดเด่นในสไตล์ผสมผสานความเป็นไทยและ สากล เข้าไปช่วยพัฒนาและต่อยอดรูปแบบเครื่องประดับโดยนำอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมจังหวัดไปผสมผสานกับจุดเด่นของร้านให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์เพื่อนำผลงานการออกแบบเครื่องประดับที่สร้างสรรค์ขึ้นไปผลิตเป็นคอลเลกชันและนำไปเปิดตัวออกสู่ตลาดต่อไป"
สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับอย่างยั่นยืนในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 จีไอทีได้วางแผนลงพื้นที่ใน 10 จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ตาก พังงา สตูล ตราด กาญจนบุรี นครราชสีมา และแพร่โดยจะเน้นการอบรมหลักสูตรด้านอัญมณีศาสตร์ ทักษะเชิงช่าง การออกแบบเครื่องประดับรวมถึงความรู้ด้านธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิตัลเพื่อต่อยอดสร้างสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน