svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ไทย-ออสเตรเลีย ร่วมมือ Taskforce Storm สะกัดเส้นทางยาเสพติด

19 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ป.ป.ส. ดีเอสไอ ตร. ปปง. จับมือตำรวจออสเตรเลีย ร่วมมือ Taskforce Storm จับคดีใหญ่ 6 คดี ผู้ต้องหา 9 คน ของกลาง ไอซ์ 1,951 กก. อีเฟดรีน 3.9 ตัน เฮโรอีน 41.7 กก. กัญชากว่า 3 ตัน และการยึดทรัพย์ กว่า 7.5 ล้านบาท

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 เวลา 10.30 น. นายวีรวัฒน์ เต็งอำนวย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พลตำรวจโท พรหมธร ภาคอัต ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรี ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด Mr. Neil Gaughan (นีล แกกัน) รองผู้บัญชาการตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นางสาวปราณี เก้าเอี้ยน รองเลขาธิการ ปปง. และนายบัญชา โทสมัย ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด เข้าร่วมประชุมหารือระดับผู้บริหารหน่วยงานภาคี ภายใต้โครงการ Taskforce Storm เพื่อแถลงผลความคืบหน้าของปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย - ออสเตรเลียสำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดการประชุมระดับผู้บริหารหน่วยงานภาคี ตามโครงการปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย - ออสเตรเลีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) เพื่อประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าของปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย - ออสเตรเลีย และแถลงผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ส. กับหน่วยงานภาคีในการป้องกันและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมระหว่างประเทศโดยได้มีการลงนามในข้อตกลงการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมด้านปราบปรามยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติระหว่างสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียประจำประเทศไทย (Australia Federal Police AFP) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559การดำเนินการร่วมกันของหน่วยงานภาคีของทั้ง 2 ประเทศ ภายใต้โครงการ Taskforce Storm ตั้งแต่มีการลงนามในข้อตกลงการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมฯ สามารถจับกุมคดีสำคัญได้ 6 คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน ของกลาง ไอซ์ 1,951 กิโลกรัม อีเฟดรีน 3.9 ตัน เฮโรอีน 41.7 กิโลกรัม กัญชากว่า 3 ตัน และการยึดอายัดทรัพย์สิน กว่า 7.5 ล้านบาทผลจากการประชุมครั้งนี้ ผู้บริหารของหน่วยงานภาคีได้ร่วมลงนามความร่วมมือในการปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ให้ขยายระยะเวลาปฏิบัติการร่วมเฉพาะกิจไทย-ออสเตรเลีย ออกไปอีกคราวละ 2 ปีและหารือถึงแนวทางการดำเนินการปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมฯ ในระยะต่อไปโดยขอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในลักษณะทันต่อสถานการณ์ (Real time information) อย่างต่อเนื่อง และขอให้ฝ่ายออสเตรเลีย พิจารณาสนับสนุน ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านการปราบปรามยาเสพติด การฟอกเงินและการจัดการกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ ได้แก่ การจัดส่งวิทยากรมาบรรยาย การจัดการศึกษาดูงาน ฯลฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงความร่วมมือจัดทำข้อมูลข่าวกรอง แผนประทุษกรรมของกลุ่มเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวในภูมิภาคเอเชีย และการสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์และทรัพยากรต่างๆ สำหรับการปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วม เพื่อนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายและการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิด ให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป

logoline