"กัสจัง" เจอพิษโรคซึมเศร้า

บันเทิง คมชัดลึก - อีกหนึ่งอุทาหรณ์กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เพราะล่าสุดดาราสาว "กัสจัง" จิรันธนิน ได้เล่าประสบการณ์ตรงของตัวเองที่ป่วยเป็นโรคมาเป็นปี และเกือบถูกพิษของโรคนี้พรากชีวิตไปต่อหน้าต่อตาคุณแม่ของเธอ โดยสาวกัสจังเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า 

"เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่ตอนนี้หายขาดแล้ว ตอนนั้นมันดาวจนฆ่าตัวตาย ซี่งไม่กี่เดือนที่แล้วนี่เอง น่าจะสามสี่เดือนที่แล้วมั้ง สามสี่เดือนที่แล้ว ตอนนั้นกินยาเกิดขนาด (สาเหตุเป็นเพราะอะไร) คือดาว จริงๆ มันดาวทุกวัน มันหาสาเหตุไม่ได้ พอหาสาเหตุไม่ได้เราก็จะรู้สึกผิดปกติจากคนอื่น เราก็จะงงว่าทำไมเราถึงมีความสุขเหมือนคนอื่นไม่ได้ แล้วคนรอบข้างก็ไม่เข้าใจ พอมันบวกกับคนรอบข้างไม่เข้าใจมันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ปกติ ภาวะอารมณ์ก็จะแปรปรวน และนอกจากเป็นซึมเศร้ากัสจังมีเรื่องของประจำเดือนมาร่วมด้วย ซึ่งเวลาเป็นประจำเดือนเนี้ย เขาเรียกว่าเป็นโรค กัสจังเองก็จำชื่อทางแพทย์ไม่ได้ PMS (อาการหงุดหงิดขั้นรุนแรงก่อนมีประจำเดือน)  ยิ่งบวกกับโรคซึมเศร้าอาจจะทำให้คนไข้ฆ่าตัวตายได้เฉียบพลันหรือว่าเป็นเหมือนไบโพลา คือเราก็รู้ตัวว่าเราผิดปกติ เราก็กินยา แต่บางช่วงก็ไม่ได้กิน แต่มันจะหนักวันที่ทะเลาะกับคนรอบข้าง จะค่อนข้างดาวมากๆ อย่างตอนที่กินยาเกินขนาดนั้น ตอนนั้นทะเลาะกับแม่ ก็คือทะเลาะปุ๊บก็คว้ายาแก้แพ้กินไปร้อยกว่าเม็ด คือเม็ดยามันเล็กไง แบบทำตรงนั้นตอนนั้นเลย ตอนแรกคุณแม่ก็ช็อค ทำอะไรไม่ถูก ตอนนั้นคุณแม่คงคิดอยู่แล้วแหละว่าไม่น่าจะรอด เขาก็ร้องไห้อย่างเดียว น่าจะผ่านไปประมาณ 10-20 นาทีได้มั้ง มันนานจนตัวเราชา พูดตรงๆ ว่าตอนนั้นก็นอนรอความตายอย่างเดียว ตอนนั้นเรารู้ตัวนะ ก็รอว่าเมื่อไรจะตาย คิดว่าถ้าตายแล้วจะเป็นยังไง หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าเออเรายังไม่ได้ลาญาติเราเลย ยังไม่ได้ลาคนที่เลี้ยงเรามาตอนเป็นเด็ก เลยไลน์ไปลาเขา ก็เลยเกิดเรื่องแบบว่าเขาไลน์ไปบอกเพื่อน ติดต่อเพื่อนเรา เพื่อนมาเต็มบ้านเลยทุกคนพาไปล้างท้องจึงรอดมา"

เมื่อถามต่อว่าผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร นักแสดงสาวกล่าวว่าผ่านจุดนั้นมาได้เพราะศาสนา และตอนนั้นตัวเอง ก็หันไปนับถือศาสนาคริสเตียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

"ต้องบอกเลยว่าศาสนาเข้ามาช่วย ก่อนหน้านี้เราเคยติดต่อพี่คนหนึ่ง เขาเป็นคริสเตียน เขาก็ให้กำลังใจแล้วพาเข้าโบสถ์ คือเราก็รู้สึกเหมือนได้ความรักจากคนรอบข้าง จากคนที่โบสถ์ด้วย ก็เริ่มเข้าหาศาสนาฟังธรรมทุกวัน จากนั้นก็เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสเตียนเต็มตัว ระยะแรกเราก็ยังไม่ได้มีความเชื่อและศรัทธาร้อยเปอร์เซ็น แต่ตอนนี้เราเชื่อและศรัทธาร้อยเปอร์เซ็น (ทุกอย่างมันจากความเครียดเรื่องงานเรื่องความรัก) จริงๆ เราก็ไม่ได้มีความเครียดอะไรมากมาย คิดว่าอาจจะเป็นความกังวลที่เกิดขึ้นและสะสมโดยเราไม่รู้ตัวมากกว่า (รู้ได้อย่างไรว่าหายร้อยเปอร์เซ็น) ตอนนี้ไม่ได้กินยาเลย แล้วทุกวันตื่นมาเราก็จะมีความสุข เอาจริงๆ ก่อนเป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่เคยตื่นมาแล้วมีความสุขแบบนี้ ตั้งแต่เป็นคริสเตียนอะไรอย่างเนี้ยตื่นมาก็จะมีความสุข

(เราได้แบ่งปันเรื่องที่ป่วยกับคนอื่นไหม) ก็มี ถ้าเกิดใครที่มีปัญหากับตรงนี้ก็จะแนะนำทุกคนเข้าโบสถ์ ก็บอกว่าลองดูไม่ได้เสียหายอะไร เพราะว่าตัวเราเองก็ดีขึ้นจากการที่มาอยู่กับสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความรักอะไรอย่างนี้ ส่วนที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ เพราะเราไม่ได้ออกมาโปรโมทว่าเป็นโรคซึมเศร้าอะไรอย่างเนี้ย ก็กินยาอย่างเดียว ตอนนั้นคือเรารู้สึกว่าไม่อยากบอก คือเพื่อนๆ รู้ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาแถลงอะไร เราไม่ได้ซุปตาร์อะไรขนาดนั้นมีต้องมาแถลงอะไรแบบนี้ ก็ใช้ชีวิตปกติ" นักแสดงสาวกล่าว 

เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้อยากแบ่งปันเรื่องนี้ในตอนนี้ กัสจังกล่าวว่า

"ที่อยากออกมาแบ่งปันเรื่องนี้ เพราะตอนที่เรากินยาฆ่าตัวตาย แล้วเรารอดมาได้ เราก็เลยรู้สึกว่าโรคนี้เป็นโรคที่ค่อนข้างหน้ากลัว เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าเรารักตัวเองมาก รักครอบครัว อยากประสบความสำเร็จ เรื่องฆ่าตัวตายเป็นเรื่องไกลตัวมาก อยากบอกว่าใครที่มีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ควรระวังเรื่องคำพูดมากๆ เลย คำพูดของคนรอบข้างนี่สำคัญมากนะ แค่คำพูดว่า "เป็นอะไรเนี่ย" ตอนนั้นเราจะเป็นจะตายเลยนะกับคำพูดแค่นี้ นอยต์มาก แต่ถ้าพูดตอนนี้เราก็เฉยๆ (ต้องปรับการใช้ชีวิตไหมก็ปรับ) ก็ปรับ แต่เป็นการปรับเข้าหาศาสนา  ฟังธรรม เป็นการฟังธรรมแบบของคริสเตียน ว่าให้ความรักกับคนอื่นยังไง รับความรักยังไง ก็ปรับรับอะไรที่เป็นพลังบวกทั้งหมด ก่อนหน้านี้เคยปรึกษาแพทย์ไหม

(ก่อนหน้านี้มีปรึกษาแพทย์ไหม) ก็มีปรึกษาแพทย์ ก็คือเข้าไปหาแพทย์ปรึกษาตลอดเพราะว่าต้องไปรับยา ปรับยา  แต่ตอนนี้ไม่ได้ปรึกษาแพทย์แล้ว หมอไม่มีนัด หายสนิทแล้ว เรื่องทำร้ายตัวเองนึกไม่ออก คิดอาจจะมีแต่ไม่ได้ร้ายแรงมาก จำได้แค่เรื่องฆ่าตัวตาย 

(ตอนนี้เราตัองตั้งสติมากขึ้นไหม หรือว่าคนรอบข้างต้องมาทำความเข้าใจกัน)  ก็คนรอบข้างก็ทำความเข้าใจด้วย คือกัสจังโชคดีที่คนรอบข้างยอมรับ คือตอนแรกครอบครัวก็แอนตี้ แต่พอเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิตเรา ไม่ใช่แค่เรื่องของอารมณ์ นิสัย เท่านั้นยังรวมถึงหน้าที่การงานคือมันดีขึ้น เขาก็เริ่มยอมรับ ตอนนี้ทุกอย่างมันเลยเหมือนว่ามันแฮปปี้ไปหมด" กัสจัง กล่าวปิดท้าย