SISB ย้ายบ้านใหม่เข้าเทรดใน SET มั่นใจรายได้โต 15-20% ตามเป้า

นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) (SISB)เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์ของSISBเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)ในวันนี้ (23เมษายน2562)เป็นวันแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจบริการเฉพาะกิจ (Professional Services)ถือเป็นการตอกย้ำถึงปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์maiในวันที่29พฤศจิกายน2561ที่ผ่านมา

"เป็นเรื่องที่ดีต่อSISBและในอนาคตเรามีแผนที่จะขยายการลงทุนด้านการศึกษาในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ SISBถือเป็นบริษัทปลอดหนี้ มีเงินเหลือจากการขายหุ้นไอพีโอหลังชำระหนี้ ที่พร้อมลงทุนเพิ่ม เพื่อโอกาสในการเติบโตที่แข็งแกร่ง"นายยิว ฮอค โคว กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารSISBกล่าวอีกว่า แนวโน้มรายได้ในปี2562คาดว่าจะเติบโตประมาณ15-20%จากปีก่อนที่ระดับ947ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากจำนวนนักเรียนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก200-250คน ตามเป้าหมาย จากสิ้นปีที่ผ่านมา มีนักเรียนจำนวน2,369คน แบ่งเป็นสัดส่วนนักเรียนไทย85%และนักเรียนต่างชาติ15%จากปัจจุบันบริษัทฯมีความสามารถในการรองรับนักเรียนจากทุกสาขารวม4,175คน ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับได้อีก3-5ปี

ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในปี2561มีรายได้รวมจำนวน947ล้านบาท เพิ่มขึ้น201ล้านบาท หรือ27%เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม746ล้านบาท

ล่าสุด ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2562ในวันที่18เมษายน2562ที่ผ่านมา ได้อนุมัตินำทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้น ล้างขาดทุนสะสม ที่ปัจจุบันมีอยู่จำนวน71.01ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือSISBกล่าวว่า การย้ายเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยปลดล็อกให้นักลงทุนสถาบัน กองทุนทั้งในและต่างประเทศ สามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นSISBช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น และทำให้การเคลื่อนไหวของราคามีเสถียรภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกันยังมองว่าแนวโน้มในช่วง3-5ปีข้างหน้า คาดว่าผลการดำเนินงานของSISBน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความพร้อมในการพัฒนาการศึกษา และนักเรียนให้มีคุณภาพมากขึ้น

ปัจจุบันSISBมีโรงเรียนนานาชาติที่บริษัทฯได้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียนรวม4โรงเรียน คือ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพฯ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์สุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอกมัย และมีบริษัทร่วมทุนในลักษณะกิจการร่วมค้าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งอีก1โรงเรียน คือ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เชียงใหม่