สอบโชเฟอร์แท็กซี่รับโจรสวมวิกจี้ร้านทองกลางกรุง
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีโจรสวมวิกจี้ชิงทอง ภายในร้านทองออโรร่า ชั้นที่ 1 ห้างบิ๊กซี สาขาพระราม4 ถนนพระราม4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย ได้เชิญตัวคนขับรถแท็กซี่ที่รับคนร้ายจากห้างเกตเวย์ เอกมัย มาสอบปากคำที่สน.ทองหล่อ
จากกรณีมีคนร้ายเป็นชายแต่งกายคล้ายหญิงสาว ใส่วิกผม ใช้อาวุธปืนพกสั้นบุกเข้าไปจี้พนักงาน 3 ราย ภายในร้านทองออโรร่า ชั้นที่ 1 ห้างบิ๊กซี สาขาพระราม4 ถนนพระราม4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม.ก่อนข่มขู่บังคับให้พนักงานนำทองคำที่อยู่บนแผง น้ำหนักรวมกว่า 215 บาท มูลค่ากว่า 3,181,600 บาท ใส่ในถุงที่เตรียมมา หากไม่ทำตามจะนำระเบิดที่ใส่ในถุงกระดาษที่เตรียมมาระเบิด ก่อนจะมีวิน จยย.อ้างตัวว่าคนร้ายได้ขึ้นรถหลบหนีไป แต่เมื่อตรวจสอบวงจรปิดพบว่าคนร้ายไม่ได้นั่งรถ วินทจยย.รับจ้าง แต่กลับขี่ รถ จยย.ที่เตรียมมาหลบหนีไปแทน เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.40 น.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มี.ค. มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจชุดปฏิบัติการ ตำรวจ กก.สส.3บก.สส.บช.น. ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 และตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ได้เชิญตัวนายเอ (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) โชเฟอร์แท็กซี่ พร้อมรถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีเขียว-เหลือง ติดแผ่นป้ายทะเบียนสีแดง หมายเลข ศ-1355 กรุงเทพมหานคร มาทำการสอบสวน ที่สน.ทองหล่อ โดยสืบเนื่องมาทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย พบว่ามีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายสวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ สีดำ ขับขี่รถ จยย.ยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่คอนโซนหน้ามีถุงพลาสติกสีขาวขนาดใหญ่แขวนไว้ แล้วคนร้ายได้ขับขี่รถ จยย.คันดังกล่าวมาตามเส้นทางถนนพระราม4 ขาออก มุ่งหน้าสุขุมวิท กระทั่งมาถึงแยกกล้วยน้ำไท คนร้ายได้ขับเลี้ยวซ้าย เข้าซอยสุขุมวิท42 แล้วพอขับขี่มาถึงปากซอยฝั่งถนนสุขุมวิท ได้เลี้ยวเข้าห้างเกตเวย์ เอกมัย ที่อยู่ปากซอยสุขุมวิท 42 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. ก่อนจะหายไป
จากนั้นทางชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ กระทั่งตรวจสอบมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างดังกล่าวพบรถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีลาโน่ สีเหลือง ด้านข้างติดแถบลายหมากรุกสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนถูกจอดทิ้งไว้ ทางตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน มาตรวจสอบเก็บลายนิ้วมือแฝง เพื่อรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ตลอดจนได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดิน ของห้างแห่งนี้ พบว่ามีกล้องตัวหนึ่ง ระบุว่าวันที่ 7 มี.ค. เวลา15.50 น. สามารถจับภาพคนร้ายเป็นชายรูปพรรณตรงตามที่ก่อเหตุก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองดังกล่าว กำลังเดินเข้าสู่ตัวห้าง โเยในมือขวา ถือถุงพลาสติกสีขาว ลักษณะมีวัตถุที่มีน้ำหนักบรรจุอยู่ด้านใน หลังจากนั้นก็ขึ้นไปบนชั้น 1 ของตัวห้าง ก่อนหายไป กระทั่งมาพบกล้องอีกตัวบริเวณริมถนนสุขุมวิท พบคนร้ายรายนี้ถือถุงพลาสติกดังกล่าว เรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าว ก่อนนั่งโดยสารไปตามเส้นทางสุขุมวิทฝั่งขาเข้า เมื่อมาถึงปากซอยสุขุมวิท 24 คนร้ายรายนี้ได้ลงจากรถ แล้วเรียก รถวิน จยย.รับจ้าง เพื่อนั่งโดยสารไปต่อ
ต่อมาทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ทำการสืบสวนจนสามารถติดตามโชเฟอร์ขับรถแท็กซี่คันที่คนร้ายนั่งโดยสารมาได้ เบื้องต้นจากการสอบถาม นายเอ ให้การว่า ระหว่างที่ขับรถแท็กซี่เพื่อหาลูกค้ามาตามเส้นทางสุขุมวิทปกติ พบว่ามีชายรายนี้ได้เรียกรถ พร้อมระบุว่าให้ไปส่งที่ประตูน้ำ จากนั้นระหว่างทางโชเฟอร์สังเกตุพบอากัปกิริยาของผู้โดยสารมีท่าทีลุกลี้ลุกลน กระทั่งเมื่รถแล่นมาถึงปากซอยสุขุมวิท24 ชายรายดังกล่าวได้บอกกับเจ้าตัวว่า "พี่ไม่ทันแล้ว จอดๆตรงนี้เลย" ก่อนจะจ่ายค่าโดยสารแล้วลงจากรถเพื่อ นั่งรถวิน จยย.ดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางตำรวจอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมหาเส้นทางการหลบหนีครั้งนี้ ทั้งขาไปก่อเหตุและหลังก่อเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
