svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบ5หนุ่มไทยอุ้มชาวสิงค์โปร์ข่มขู่เรียกเงิน

28 กุมภาพันธ์ 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รวบ5 หนุ่มไทยอุกอาจอุ้มเหยื่อชาวสิงคโปร์ลานจอดรถหน้าห้างดังกลางเมืองย่านรัชดา พาขึ้นรถไปข่มขู่เอาเงิน 350, 000 บาทได้ทรัพย์สินแล้วพาเหยื่อขึ้นรถทิ้งปั๊มน้ำมัน จ.ชลบุรี สารภาพอุ้มจริง อ้างทำเพราะติดค้างหักหนี้พนันฟุตบอล ยันไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ขณะที่ตำรวจใช้เวลาตามจับเพียงแค่ 3 วัน

ที่ลานด้านหน้าสน.ห้วยขวาง  เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 กุมภาพันธ์พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. รอง ผอ.ศปอส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบช.น. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก. บก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.มนต์ชัย ศรีประเสริฐ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รองผบก.น.1 พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. และฝ่ายสืบสวนสน.ห้วยขวาง 

รวบ5หนุ่มไทยอุ้มชาวสิงค์โปร์ข่มขู่เรียกเงิน

ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนายศิรสิทธิ์ หรือแม็ก สว่างอำไพ อายุ 32 ปี นายอนุสรณ์ หรือเบน หมื่นสี อายุ 36 ปี นายนันต์ชัย หรือนุ๊ก เกตุอ่วม อายุ 24 ปี นายกิตติศักดิ์ สายวิเศษ อายุ 24 ปี และนายอรรถชัย หรือรอน ติเยาว์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 325 , 326 , 327 , 328 และ 329/2562 ลง 25 ก.พ.2562 ฐานความผิดปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้พาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าได้และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในการชำระทรัพย์ค่าสินค้า หรือให้เบิกถอนเงินสดของผู้อื่นโดยมิชอบ

รวบ5หนุ่มไทยอุ้มชาวสิงค์โปร์ข่มขู่เรียกเงิน


พร้อมของกลางไม้เบสบอล 1 ท่อน ไม้คมแฝก 1 ท่อน กุณแจมือ 3 อัน วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง สนับมือ 1 อัน ถุงมือผ้าสีดำ 1 คู่ ถุงผ้าสีดำ 1 ใบ ผ้าเทปสีดำ 1 ม้วน จีพีเอส 1 เครื่อง รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฎง 9052 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ก่อเหตุ และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ขล 8419 นครราชสีมา ( ของผู้เสียหาย)

พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยก่อเหตุอุกอาจอุ้มผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ จากลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านห้วยขวาง ครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมาผู้เสียหายชายชาวสิงคโปร์ เดินทางแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 วันที่ 14 ก.พ. ขณะที่ผู้เสียหายกำลังจะขึ้นรถยนต์ของตนเอง ถูกชายชาวไทยจำนวน 5 คน ใช้กำลังบังคับให้ขึ้นรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโรสีดำและพาผู้เสียหายเดินทางไปเอาทรัพย์สินที่ห้องพักผู้เสียหายที่อยู่ใกล้กับ แอร์พอร์ทลิ้ง มักกะสัน ก่อนจะพาไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี ทำการข่มขู่เอาเงินไปจำนวนทั้งสิ้น 351,150 บาท เมื่อได้ทรัพย์สินไป เวลาประมาณ 22.00 น. วันเดียวกันกลุ่มคนร้ายได้พาผู้เสียหายพร้อมรถยนต์ของผู้เสียหายมาทิ้งไว้บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี ก่อนหลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบชื่อผู้ก่อเหตุทั้งหมดก่อนขออนุมัติหมายจับจนสามารถติดตามผู้ก่อเหตุมาได้ทั้งหมด 

รวบ5หนุ่มไทยอุ้มชาวสิงค์โปร์ข่มขู่เรียกเงิน


จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุอุ้มชาวสิงคโปร์ ไปจริงแต่เป็นการทวงหนี้ที่ผู้เสียหายติดอยู่ เท่านั้นนายอนุสรณ์ หรือเบน ให้การอ้างว่า ตนได้เล่นพนันบอลกับผู้เสียหายซึ่งที่ผ่านมาตนทายผลบอลถูกหลายครั้งแต่ผู้เสียหายกลับไม่จ่ายเป็นเงินกว่า 9 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่ร่วมก่อเหตุคนอื่นๆก็เป็นลูกค้าที่ถูกผู้เสียหายเบี้ยวไม่จ่ายเงินเช่นกัน จึงรวมตัวกันเพื่อทวงเงิน โดยก่อนก่อเหตุ 3 วัน (วันที่ 11 ก.พ. ) ได้ช่วยกันติดตามผู้เสียหายจนพบ และนำเครื่องจีพีเอสไปติดไว้ที่รถยนต์ของผู้เสียหาย จนกระทั่งวันที่ 14 ก.พ. พบรถผู้เสียหายเข้ามาจอดอยู่ที่ห้าง จึงเดินทางมาอุ้มตัวผู้เสียหายขึ้นรถไปเพื่อทวงเงินที่ติดพวกตนไว้ ไม่มีการทำร้ายร่างกายใดๆ ในวันก่อเหตุนายศิรสิทธิ์ เป็นคนขับรถปาเจโร่ ตนเองนั่งข้างคนขับ มีนายกิตติศักดิ์ และนายอรรถชัย นั่งคุมตัวผู้เสียหายที่เบาะหลัง ส่วนนายนันต์ชัย ขับรถผู้เสียหายตามมา จากนั้นได้ขับพาผู้เสียหายไปเช่าห้องพักที่จ.ชลบุรี โดยให้ผู้เสียหายโทรหาคนรู้จักเพื่อนำเงินมาคืนพวกตน เมื่อได้เงินมาแล้วก็พาผู้เสียหายไปส่งที่ปั๊มน้ำมันในจ.ชลบุรี ก่อนแยกย้ายกัน

รวบ5หนุ่มไทยอุ้มชาวสิงค์โปร์ข่มขู่เรียกเงิน


พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การดำเนินการสืบสวน สอบสวน ในครั้งนี้เป็นการบูรณาการทุกหน่วยเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการก่อเหตุกับชาวต่างชาติซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งในเคสนี้ถือว่าเป็นการจับกุมคนร้ายได้ยกแก๊ง ในส่วนของเคสนี้ที่เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ก.พ. แต่ผู้เสียหายถูกข่มขู่ไม่ให้แจ้งความประกอบกับผู้เสียหายกลัวจะได้รับอันตราย จึงตัดสินใจมาแจ้งในวันที่ 23 ก.พ. เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่เคยถูกกระทำลักษณะเช่นนี้ ให้รีบเข้ามาแจ้งความเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วเบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

logoline