ซึ่งพิธีลงนามในครั้งนี้มีพรรคการเมืองส่งผู้แทนเข้าร่วมลงนามจำนวน 25 พรรค อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รอง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย / ด็อกเตอร์ลลิตา ฤกษ์สำราญ นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ / นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ / นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ / นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ /นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย และ นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น
จากนั้นพรรคการเมืองร่วมกันอ่านสัญญาก่อนจะลงนาม ที่มีผู้แทนองค์กรต่าง ๆ รวมถึงผู้แทนองค์กรจากศาสนา และที่สำคัญคือ พลตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ผู้แทนเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรือ อัลเฟรล รวมถึงผู้แทนสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน
โดย สัญญาก่อนการเลือกตั้ง 5 ข้อ ประกอบด้วย จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกฎหมายเลือกตั้งและระเบียบของกกตที่กำหนดขึ้นตามหลักนิติธรรมและตามมาตรฐานสากล จะไม่กระทำการใดๆที่เป็นการซื้อเสียงและไม่ใช้และพร้อมที่จะต่อต้านการใช้กลไกหรือทรัพยากรของรัฐเพื่อประโยชน์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง
จะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ จะไม่ใช้ถ้อยคำและภาษาที่ร้อนแรงจะมาให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่ใช้การข่มขู่และไม่ใช้วาจาที่ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรงและ/จะเคารพสิทธิของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะรณรงค์หาเสียงโดยปราศจากความหวาดกลัวและการถูกข่มขู่และขอยืนยันว่าจะไม่ไปก่อกวนการรณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองใดๆ
จากนั้นเป็นข้อสัญญาหลังเลือกตั้ง 5 ข้อ ประกอบด้วย พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล จะนำนโยบายที่แต่ละพรรคใช้ในการหาเสียงมาบูรณาการกันอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญแก่การจัดทำนโยบายร่วมกันนี้ในลำดับก่อนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี
จะสนับสนุนรัฐจัดให้มีกลไกที่ใช้หลักหลักของความเป็นธรรมในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อสนองความต้องการของร้องและเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำของรัฐและการกระทำด้วยเหตุจูงใจทางการเมือง/ จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันอย่างสันติ
และ เพื่อความเป็นธรรมระหว่างการบริหารราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น พรรคการเมืองจะดำเนินการให้องค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีอำนาจการตัดสินใจในเรื่องของท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญและจะพิจารณาโอนงาน, งบประมาณและบุคลากร จากราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคไปสู่ส่วนส่วนท้องถิ่นมากขึ้นอย่างเพียงพอ
อย่างไรก็ดี พรรคการเมืองเชื่อว่า การปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ในถิ่น จะมีส่วนช่วยสร้างความเข้มแข็งแก่สถาบันภาคการเมืองและมีส่วนร่วมสร้างรากฐานทีแข็งแรงแต่ระบอบประชาธิปไตย
ผู้เข้าร่วมได้ร่วมกันอ่านคำสัญญาที่พรรคการเมืองให้ไว้กับประชาชน ก่อนที่จะมีการลงนาม ด้วยถ้อยคำว่า ก่อนการเลือกตั้งพรรคการเมืองขอให้สัญญาว่า จะปฏิบัติตามจรรยาบรรณการหาเสียงเลือกตั้ง คือจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้งและกฎระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่กำหนดขึ้นตามหลักนิติธรรมและตามมาตรฐานสากล จะไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการซื้อเสียง จะไม่ใช้และพร้อมที่จะต่อต้านการใช้กลไกหรือทรัพยากรของรัฐเพื่อประโยชน์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง จะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ จะไม่ใช้ถ้อยคำและภาษาที่ร้อนแรง จะไม่ให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่ใช้การข่มขู่และไม่ใช้วาจาที่ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง และจะเคารพสิทธิของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะรณรงค์หาเสียงโดยปลอดจากความหวาดกลัวและการถูกข่มขู่ และขอยืนยันว่าจะไม่ไปก่อกวนการรณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองใดๆ
ซึ่งหลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองขอให้สัญญาว่าจะเคารพเสียงของประชาชนและเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดความสงบสุขและเป็นธรรม พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะนำนโยบายที่แต่ละภาคใช้ในการหาเสียงมาบูรณาการกันอย่างจริงจังและให้ความสำคัญแก่การจัดทำนโยบายร่วมกันนี้ในการลำดับก่อนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี จะสนับสนุนให้รัฐจัดให้มีกลไกที่ใช้หลักของความเป็นธรรมในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อเสนอแนะการปรองดอง และเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำของรัฐและการกระทำด้วยเหจุจูงใจทางการเมือง จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันและอย่างสันติ และเพื่อความเป็นธรรมระหว่างการบริหารราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น