"อัจฉริยะ"แจงปมปิดเพจชมรมฯทนไม่ได้แฟนเพจรับเคราะห์แทน

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2561 กรณีชุดรักษาความปลอดภัย บริษัท สยามไบโอเทคและอุตสาหกรรมเภสัช จำกัด เลขที่ 75/16 ม.3 ต.วังเย็น  อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ขัดขวางการขอเข้าตรวจค้น โดยตำรวจ ทหารร่วมกับฝ่ายปกครอง รวมถึงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งได้รับอำนาจจากกรรมการบริษัท จึงเกิดการปะทะคารมกันอย่างรุนแรง และมีคลิปหลุดออกมาตามข่าว


กระทั่ง 28 พ.ย.เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.เสน่ห์  ยศรุ่งเรือง พนักงานสอบสวนสภ.แปลงยาว นายอำพล  พัชระกุล ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ฉะเชิงเทรา ทหาร และฝ่ายปกครอง นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ภายในบริษัท สยามไบโอเทคฯ หลังได้รับแจ้งจากนายปิติ  อ่อนตระกูล ผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ว่า พบไม้ต้องสงสัยจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ภายในตู้คอนเทรนเนอร์ที่ตั้งอยู่ภายในรั้วบริเวณด้านหลังโรงงาน และจากการเปิดประตูตู้คอนเทรนเนอร์ พบลังกระดาษใส่ขวดแก้วเปล่าวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ จึงได้นำแก้วทั้งหมดออกมา พบว่าชิ้นและผงไม้ที่อยู่ในถุงพลาสติกคือไม้หอมหรือไม้กฤษณา ส่วนไม้ท่อนเป็นไม้อบเชย น้ำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม


นายอำพล เปิดเผยว่า ของกลางที่พบเป็นไม้กฤษณา ไม้อบเชยป่า และไม้ต้องสงสัยมีทั้งแบบผงที่สกัดแล้ว แบบแผ่นและแบบท่อน จึงอายัดไว้ เพื่อให้เจ้าของเดิม นำหลักฐานมาแสดงถึงการได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่แต่หากไม่มีเอกสารชี้แจง จะแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มีของป่าหวงห้ามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี  ส่วนไม้ทั้งหมดจะยึดและอายัดไว้


นายอัจฉริยะ เผยว่า สิ่งที่พบภายในแสดงว่าบริษัทฯต้องการจะปกปิดความจริง โดยบริษัทฯเพิ่งเปลี่ยนชุดรักษาความปลอดภัยของโรงงานใหม่หมด และขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้ค้นในวันที่ 23 พ.ย. ดังนั้น ขอให้สังคมเข้าใจภาพตามคลิปเหตุการณ์วันนั้น ใครกันแน่ที่มีเจตนาขัดขวางเจ้าหน้าที่ และส่วนตัวไปในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากกรรมการบริษัท ขอให้คนที่จ้องโจมตีเข้าใจหรือยังมำไมการ์ดจึงขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ มีทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง โดยเขามีข้อมูลว่า การ์ดชุดนั้น มีคนมีสี ไปรับเงินมาคนจีนแล้วจ้างคนมีสีอีกทอดหนึ่ง นำลูกน้องกว่า 20 คนเข้ายึดโรงงานฯ


ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวด้วยว่า นี่คือเหตุผลที่ปิดเพจชมรมฯ ไม่รับร้องทุกข์ เพราะมีกลุ่มอวตาร ที่เข้ามาใช้คำพูดหยาบคาย จนมีเรื่องกับแฟนเพจชมรมฯ ซึ่งมีตัวตน มีความรู้ ต้องโดนกลุ่มคนพวกนี้นำเอารูปครอบครัวพวกแฟนเพจชมรมมาประจานแบบเสียๆ หายๆ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ให้แฟนเพจดีๆ เสียหายสู้ปิดเพจดีกว่ายอมเจ็บคนเดียว