รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยืนยันว่า ภาพรวมเป็นไปตามปกติ ไม่มีปัญหา แต่ต้องรอคอย หรือ ล่าช้าบ้างเป็นไปตามสถาพการจราจร โดยกรมการขนส่งทางบกจะจัดรถเมล์ ขสมก.มาเสริม คิดค่าโดยสารอัตราเดียวกับรถตู้ ขณะที่เดียวกันกรมการนส่งทางบก ได้ให้ผู้ตรวจการ ตรวจสอบรถที่นำออกมาวิ่ง ว่ามีผู้ขับรถตู้ลักลอบนำมาวิ่งหรือไม่ ยังย้ำว่า มีความผิด เจอโทษปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท
ขณะเดียวกัน กรมการขนส่งยังเปิดโอกาส ผู้ประกอบการยังสามารถที่นำรถตู้ที่มีความพร้อมในสภาพดี อายุไม่เกิน 10 ปี หรือ อีก 2 ปี มาทดแทนการให้บริการได้ หลังจากกันยายน 2562 จะต้องเปลี่ยนมาเป็น รถมินิบัส และ ไมโครบัส ขณะที่รถยนต์หมวดที่ 2 ที่วิ่งต่างจังหวัด ขรถร่วม ขสมก. ปรับเปลี่ยนมาเป็นรถมินิบัส ไมโครบัสแล้ว
รักษาการอธิบดี ยังปิดประตูข้อเรียกร้องกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้ หลังศาลปกครองกลางไม่รับคำร้องไต่สวนฉุกเฉิน ที่จะเดินหน้าร้องนายกรัฐมนตรี ขอให้ผ่อนผัน การเปลี่ยนจากรถตู้ เป็นรถไมโครบัส มินิบัส เป็นภาคสมัครใจ ไม่ใช่ภาคบัง แม้ผู้ประกอบการจะหยิบยกผลงานวิจัยมาอ้างว่า รถตู้ทั่วไปสามารถใช้งานได้15 ปี แต่ทางรักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบกยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ 15 ปีคือรถโดยสาร ที่เป็นรถบัส ยืนยันว่ามาตราการที่บังคับ ทั้งหมดที่ดำเนินการ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการรถตู้ จะฟ้องกรมการขนส่งทางบก เพราะต่ออายุทะบียนรถ ขำระค่าภาษี เสียค่าค่าธรรมเนียม ค่าประกันรถยนต์ ค่า GPS 3-4 หมื่นบาท /คัน ไปแล้ว แต่ไม่ได้เงินคืน ทางขนส่งทางบก ให้กลุ่มผู้ประกอบการมาขอคืนได้ทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ข้อมูลกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า รถตู้โดยสารหมวด 1 ที่วิ่งรับผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร เฉพาะปี 2561 จะมีรถตู้หมดอายุแบ่งเป็นหมวด 1 จำนวน 954 คัน มีทั้งหมด 11 เส้นทาง ประกอบด้วย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 260 คัน, มีนบุรี 191 คัน, จตุจักร 1 คัน, รังสิต 28 คัน บขส. 125 คัน, รถร่วม ขสมก. 480 คัน และ หมวด 2 วิ่งข้ามจังหวัด 379 คันเท่านั้น