พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กลักษณะเชิญชวนให้คนมาลงทุนเก็งกำไรทองคำแท่ง โดยโฆษณาว่าลงทุน 10 วัน จะได้ทุนบวกกำไรกลับคืน โดยอ้างว่าลงทุนซื้อทองคำแท่งในราคา 18,000 บาท จะขายได้ 19,700 บาท โดยไม่มีหน้าร้าน ไม่เสียค่าพนักงาน ไม่มีค่าน้ำค่าไฟ ทำให้ซื้อทองได้ถูกลงกว่าที่อื่น มีคนหลงเชื่อลงทุนเพิ่ม คนเริ่มซื้อทองมากขึ้นเรื่อย ๆ ครั้งแรกก็มีทองคำมาให้ แต่พอเมื่อปริมาณสั่งซื้อทองคำมากขึ้นก็ไม่มีทองมาให้แล้ว อีกทั้งยังหมุนเงินไม่ทัน ก่อนอ้างว่าขอไม่จ่ายเงินตามที่ตกลงไว้ เพราะมีบุคคลอื่นเอาเงินไปจนทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เมื่อได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์จึงติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่ายังมีผู้อยู่เบื้องหลังอีก ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมขยายผลต่อไป
"ขอฝากไปยังประชาชนถ้ามีการทำธุรกรมทางการเงินต้องสงสัย ก่อนจะเริ่มทำธุรกรรมขอให้โทร.ไปยังหมายเลข 1155 ซึ่งเป็นเบอร์ของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คำแนะนำว่าธุรกรรมนั้น ๆ เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว
สำหรับกลุ่มผู้ต้องหา นางปวีรารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่อบต.แห่งหนึ่งในจ.บุรีรัมย์ โดยตลอดการสอบปากคำได้ให้การรับสารภาพว่าได้ส่วนแบ่งจากแต่ละหัวในราคา 50 บาท พร้อมได้เปอร์เซ็นต์จากการซื้อขายทองคำแท่งอีก เฉลี่ยต่อเดือนจะมีรายได้เดือนละ 2-3 แสนบาท ทำมาแล้ว 1 ปี และจะมีการโอนเงินที่หลอกมาได้ไปยังตัวแทนที่นำทองมาให้ตนอีกต่อหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปพร้อมประชาสัมพันธ์ประชาชนที่เคยถูกก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวเข้าดูตัวผู้ต้องหาได้ที่สน.พญาไท
ด้านน.ส.ภคพรรณ อเนชากุล อายุ 40 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัวขายของออนไลน์ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้จักกับผู้ต้องหาเมื่อปี 60 โดยผู้ต้องหาได้ลงโฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊กเรื่องการขายทอง อ้างว่าราคาจะถูกกว่าท้องตลาด 2,000-3,000 บาท ตนได้ตรวจสอบโปรไฟล์และรายละเอียดต่าง ๆ พบว่าจะต้องมีการลงชื่อสมัครสมาชิกก่อน แล้วจะมีการออกบัตรตัวแทนให้ จึงคิดว่ามีความน่าเชื่อถือมาก เมื่อเป็นสมาชิกก็จะมีส่วนลดราคาทองให้ถูกลงไปอีก จากนั้นก็ทำการนัดรับทองตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งในช่วงแรกมีการนำทองมาซื้อขายจริง และตนก็สามารถนำทองไปขายให้กับร้านค้าทองทั่วไปได้จริง จึงมีการซื้อขายทองมาแล้วเป็นจำนวน 10 ครั้ง ในช่วงเดือนมี.ค.ถึงเดือนเม.ย. 60 จนกระทั่งมีผู้ที่มาร่วมลงทุนกับตนประมาณ 20 คน ก็มีการลงทุนหมุนเวียนกันประมาณ 50 ล้าน ซึ่งได้กำไรมาแล้ว 20 ล้าน ยังคงเหลือกำไรที่จะต้องได้อีกประมาณ 34 ล้านบาท
น.ส.ภคพรรณ กล่าวต่อว่า ต่อมาช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมาทางผู้ต้องหาอ้างว่า เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลาและสะดวกกับลูกค้าสมาชิก ก็ได้เปลี่ยนการซื้อขายทองที่จะต้องนัดรับเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีแทน และเมื่อโอนแล้วจะไม่สามารถถอนเงินที่โอนไปแล้วออกได้ จากนั้นผู้ต้องหาจะเป็นคนดำเนินการเรื่องทองทั้งหมด เมื่อขายทองได้โดยมีระยะเวลา 7-10 วันก็จะมีการโอนกำไรมาให้ซึ่งทำมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานั้นผู้ต้องหาอ้างว่าถูกคนในทีมยักยอกเอาทองที่จะนำมาขายให้กับสมาชิกไป จึงไม่มีทั้งต้นทุนและเงินกำไรมาคืนให้กับสมาชิก ตนจึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที