หากการหารือเป็นไปตามแผนการ สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และรัฐบาลออสเตรเลีย จะลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจหรือ เอ็มโอยู ว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ซึ่งมาตรการจะรวมถึงการจัดตั้งโครงการความร่วมมือและการสร้างเครือข่ายต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อมุ่งเสริมสร้างความปลอดภัยในภูมิภาค
นายดัตตัน กล่าวต่อที่ประชุมด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมกลุ่มย่อยของการประชุมสุดยอดผู้นำออสเตรเลีย-อาเซียน ที่นครซิดนีย์ ระหว่างวันที่ 17-18 มี.ค. นี้ ว่าการก่อการร้ายและความรุนแรงเป็นแนวคิดที่แพร่กระจายข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็วในโลกยุคปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด กลายเป็นเครื่องมือช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้เผยแพร่แนวคิดของตัวเอง รวมถึงบริการสนทนาผ่านข้อความแบบเข้ารหัส
แต่บรรยากาศของการประชุม ถูกบดบังด้วยปัญหาความวุ่นวายหลายด้าน ตั้งแต่ยังไม่เริ่มหารือกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ปฏิเสธเข้าร่วมการประชุมด้วยตัวเอง แต่ส่งนายอลัน ปีเตอร์ คาเยตาโน รมว.กระทรวงการต่างประเทศมาแทน และการชุมนุมประท้วงของพลเมืองอาเซียนโพ้นทะเล ซึ่งอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย เพื่อต่อต้านผู้นำประเทศของตัวเอง โดยเฉพาะสมเด็นฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐของเมียนมา
ด้านประธานาธิบดีโจโก วิโดโดแห่ง อินโดนีเซีย ก็ระบุเชื้อเชิญออสเตรเลียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคงแก่ทุกประเทศในภูมิภาค ทั้งด้านการป้องกันประเทศ การค้าการลงทุน และประเด็นความมั่นคงอื่นๆ ทุกอย่างจะดีขึ้น คำกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลีเซียนลุงเช่นกัน
ด้านออสเตรเลีย มีการพูดถึงแนวคิดเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนเหมือนกันการส่งเทียบเชิญถึงผู้นำออสเตรเลีย จะมีการนำเข้าสู่วาระหารือร่วมอย่างเป็นทางการ เพื่อกำหนดข้อสรุป และแนวทางปฏิบัติซึ่งมีหลายขั้นตอน ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของออสเตรเลีย จะหมายถึงการถอยห่างออกจากฝ่ายสหรัฐ และวางตัวบนจุดยืนแบบอาเซียนมากขึ้น