จีนจะแก้รัฐธรรมนูญ ให้ "สี จิ้นผิง" อยู่ยาว

พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี "ไม่ควรดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัยติดกัน" โดยจะมีการเสนอขอแก้ไขเพื่อให้รัฐสภาอนุมัติ ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ เดือนมีนาคมนี้ และเมื่อมีผลบังคับใช้ จะส่งผลให้ประธานาธิบดีสี สามารถดำรงตำแหน่งได้อย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ผู้นำจีนต้องการที่จะรักษาอำนาจนี้ไว้ นี่เป็นการเสนอขอแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547

เมื่อปีที่แล้ว การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 มีมติให้บรรจุ "ความคิดของสี จิ้นผิง ว่าด้วยสังคมนิยมแบบจีนสำหรับยุคใหม่" ลงเป็นหลักการสำคัญในธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรค แสดงให้เห็นว่า ประธานาธิบดีสี ได้ขึ้นครองอำนาจเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลสูงสุดของจีน เทียบเท่ากับประธานเหมา เจ๋อตง ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมที่ปีแล้ว ประธานาธิบดีสี ได้หาทางที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปหลังจากที่เขาไม่สามารถระบุผู้สือทอดอำนาจ ในการประชุมใหญ่ของพรรคได้ กระทั่งนำมาสู่การเสนอขอแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเรื่องระยะเวลาของผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตามก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเขายังสามารถรักษาอำนาจได้ในฐานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งไม่มีการกำหนดวาระในการดำรงตำแหน่ง

ประธานาธิบดีสี ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2556 และตามบทบัญญัติในปัจจุบัน เขาจะหมดวาระในปี 2566 ข้อกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งไม่เกิด 10 ปี เป็นตามแนวคิดของ เติ้ง เสี่ยวผิง เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายเหมือนในสมัยเหมา เจ๋อตุง แต่ทว่ารับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดี สี เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2555 เขาแสดงท่าทีพร้อมที่จะสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ให้ตัวเอง ต่างจากผู้นำ 2 คนก่อนหน้าที่ทำตามข้อกำหนดนี้

ผู้นำก่อนหน้าสี คือ หู จิ่นเทา หลังหมดวาระเขาถูกขับออกจากเส้นทางทางการเมือง หลังสี จิ้นผิงขึ้นมามีอำนาจ ตั้งแต่นั้นเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะน้อยมาก และพันธมิตรของเขาต่างถูกปรามปรามภายใต้โครงการต่อต้านคอรัปชั่นของสี