ถั่ววีนแตกแห่งโคเรียน แอร์ กลับมาแล้ว

โช ฮยอน อาห์ วัย 40 ปี เป็นลูกสาวคนโตของโช ยัง-โฮ ประธานโคเรียน แอร์ ที่ภาษาเกาหลีเรียกว่า "เจ้าของ" เพราะแม้จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่แนวทางการบริหารยังคงเป็นแบบธุรกิจในครอบครัว และล่าสุด โคเรียน แอร์ เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่เมืองพย็องชัง ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันศุกร์นี้ และที่สำคัญคือ โชผู้จุดกระแสโกรธแค้นในสังคมกลับมาในฐานะ "VIP"
ในช่วงที่คบเพลิงโอลิมปิกเดินทางถึงกรุงโซล โชกับ ฮยอน มิน น้องสาว ซึ่งสวมชุด "Tracksuit " สีเทา ซึ่งเป็นชุดกีฬาอย่างเป็นทางการของโอลิมปิก พย็องชัง วิ่งเคียงข้างไปกับพ่อของเธอที่เป็นผู้ถือคบเพลิง ขณะที่หนึ่งในคู่กรณีคือ ปัก ชัง จิน อดีตหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบิน 86 จากนิวยอร์กไปยังโซลในวันที่เกิดเรื่อง กลับมีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เแม้จะยิ้มยังต้องพยายาม เหตุการณ์วันนั้นทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างครอบครัวที่เป็น "เจ้าของ" กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่กับคนธรรมดาทั่วไป ได้กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ฝังรากลึกในเกาหลีใต้ ที่คนส่วนใหญ่พากันบ่นว่า กฎหมายเอื้อคนรวยแต่ไม่ช่วยคนจน เช่น กรณีล่าสุด ลี แจ ยอง ทายาทธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุง เพิ่งพ้นโทษเมื่อวันจันทร์ หลังติดคุกแค่ 6 เดือน จากโทษจริงคือ5 ปี ทั้งที่ศาลพิพากษายืนข้อหาส่วนใหญ่ในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบน ทั้งยังได้เข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในวันศุกร์นี้อีกด้วย เพียงเพราะซัมซุงเป็นพันธมิตรหลักและสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการ
นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ มองว่า แม้รัฐบาลชุดปัจจุบัน จะประกาศว่าจะลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงจำกัดอำนาจของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่าง โคเรียน แอร์ และซัมซุง แต่เอาเข้าจริง โดยเฉพาะคดีดังของทั้งสองบริษัท ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพียงแค่เปลี่ยนรัฐบาล
คดี "ถั่ววีนแตก" เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี 2557 เมื่อปัก ชัง จิน ที่ทำงานกับโคเรียน แอร์ มา 27 ปี ได้รับการร้องขอให้ดูแลเที่ยวบิน 86 ด้วยเพราะมีประสบการณ์ในการดูแลแขกระดับ "VIP" ซึ่งในวันนั้นคือ โช ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง "รองประธาน" ซึ่งเมื่อพนักงานต้อนรับชั้นเฟิร์สต์คลาสส์ นำถั่วแม็คคาดาเมียไปเสิร์ฟให้โชทั้งห่อ แทนที่จะแกะใส่จาน ทำให้โชไม่พอใจ โดยไม่รู้ว่าเพิ่งมีการเปลี่ยนกฎไม่ให้เปิดถุงถั่วขณะนำผ่านห้องโดยสาร เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลต่อผู้โดยที่แพ้ถั่วรุนแรง
โชแสดงกิริยาก้าวร้าวในพนักงานต้อนรับ พร้อมกับสั่งให้ปักไล่เธอลงจากเครื่องบิน ทั้งที่ปักชี้แจงว่า ประตูปิดแล้วและกำลังเริ่มเคลื่่อนตัว แต่โชไม่ยอม เธอสั่งให้ปักและพนักงานต้อนรับคุกเข่าขอโทษ ก่อนจะไล่ลงทั้งคู่อีกด้วย แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้โชถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการขัดขวางมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านการบินและถูกตัดสินจำคุก 1 ปี แต่เธอก็ได้รับอิสรภาพหลังอยู่ในคุกแค่ 3 เดือน ขณะที่ปักแม้จะยังทำงานอยู่ แต่ต้องเจอบรรยากาศที่ถูกออกแบบมาเพื่อบีบให้ลาออก จนสุขภาพจิตเสียและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหลายเดือน และเมื่อกลับไปทำงานก็ต้องเข้ารับการทดสอบใหม่และส่วนใหญ่สอบตก จากที่เคยทำงานชั้นเฟิร์สต์คลาสส์ ก็ถูก ลดลงไปอยู่ชั้นประหยัด และทำงานที่ไม่น่าอภิรมย์ รวมทั้งขัดห้องน้ำ และถูกย้ายไปอยู่เที่ยวบินที่ไปฟิลิปปินส์