svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

CEO Forum ถกปัญหาในตลาดการเงินโลกในเวที WEF

25 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

WEF เปิดประเด็นถกใน CEO Forum เกี่ยวกับปัญหาในตลาดการเงินโลก เตือน 2 ปมร้อนระหว่างการพุ่งทะยานขึ้นทำนิวไฮของตลาดหุ้น ท่ามกลางภาวะฟองสบู่ที่ส่อเกิดวิกฤติ พร้อมแสดงความเป็นห่วงนักลงทุนอาจจะก้าวพลาด หากธนาคารกลางต่างๆ มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย


ด้านสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวปกป้องการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกของสหรัฐ ถึงแม้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงถึง 1% ในการซื้อขายเพียงวันเดียวเมื่อวันพุธ โดยที่ Dollar Index ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องแตะ 89.2030 แล้วเป็นการลดลงถึง 3.13% นับตั้งแต่ต้นปีมานี้

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงช่วงเช้าวันนี้ จากการวิตกเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังสหรัฐเริ่มตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ประกอบกับที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ หวังกดดันให้ยกเลิกโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์


1. ซีอีโอของ Global Finance เริ่มเปิดเวทีถกเกี่ยวกับปัญหาในตลาดการเงินโลกในการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ในระหว่างวันที่ 23-26 มกราคมแล้ว โดยเตือน 2 ประเด็นปัญหาทางคู่ระหว่างการพุ่งทะยานขึ้นทำนิวไฮของตลาดหุ้น ท่ามกลางภาวะฟองสบู่ที่ส่อเกิดวิกฤติ

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นโลกมีความผันผวนที่รุนแรงมากขึ้นในปีนี้และปีหน้า

ในฟอรัม Global Finance Executives ที่นำโดย Barclays, Citigroup และ Carlyle Group ยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อนักลงทุนที่อาจจะก้าวพลาด หากธนาคารกลางต่างๆ มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต โดยเฉพาะการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้

หลังจากที่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ปี 2011 แต่กฌส่งผลให้เกิดปัญหาต่อตลาดการเงินโลก จากการที่มีการก่อหนี้มากขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ได้เนื่องจากปัญหาต้นทุนหนี้ที่จะเกิดขึ้นซึ่งปัญหาดังกล่าว โดยจะส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น



2. สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าวระหว่างประชุม WEF ถึงการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ส่งออก

พร้อมกับกล่าวว่า สหรัฐเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจ และยังให้การสนับสนุนการค้าที่เสรี และเป็นธรรม และเสริมว่าการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และไม่ขัดแย้งกับนโยบาย America First ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์



3. ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงถึง 1% ในการซื้อขายเพียงวันเดียวเมื่อวันพุธ โดยที่ Dollar Index ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องแตะ 89.2030 แล้วเป็นการลดลงถึง 3.13% นับตั้งแต่ต้นปีมานี้

โดยที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.05 เยน ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2404 ดอลลาร์ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4214 ดอลลาร์ รวมทั้งเงินบาทที่แขฌงค่าแตะระดับ 31.51 บาทต่อดอลลาร์ช่วงเช้าวันนี้



4. นอกจากนี้ สหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ หวังกดดันยกเลิกโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ โดยที่กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท 9 แห่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ 16 คน และเรือ 6 ลำ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ มีบริษัท 2 แห่งที่อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตรนั้น เป็นของจีนซึ่งได้ส่งออกโลหะ และชิ้นส่วนสำหรับผลิตอาวุธให้แก่เกาหลีเหนือ ส่วนเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่ถูกคว่ำบาตรดังกล่าว ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานอยู่ในจีน รัสเซีย และจอร์เจีย



5. ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวที่การประชุม WEF เมื่อวันพุธว่า หน่วยงานด้านการค้าของสหรัฐกำลังตรวจสอบพฤติกรรมกีดกันการค้าและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของจีน รวมถึงสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าอาจจะนำมาใช้ในมาตรการตอบโต้ด้วย

จากการแสดงความเห็นของรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลถึงข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐ แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตจากจีน

ขณะที่ NIKKEI 225 ญี่ปุ่นเปิดตลาดวันนี้ที่ 23,750 ลดลง 190.13 จุด หรือ 0.79% ดัชนี SSE Composite ของตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,555 ลดลง 4.30 จุด หรือ 0.12% ดัชนี HSI ฮ่องกงเปิดที่ 32,979 เพิ่มขึ้น 20.69 จุด หรือ 0.06% ดัชนี KOSPI เกาหลีใต้เปิดที่ 2,536 ลดลง 1.04 จุด หรือ 0.04% ดัชนี FTSE STI สิงคโปร์เปิดที่ 3,609 เพิ่มขึ้น 0.28 จุด หรือ 0.01% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นสวนทางที่ 1,842 เพิ่มขึ้น 3.97 จุด หรือ 0.22%

logoline