svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

2 กูรูการเงินโลกเปิดมุมมองเรื่อง Bitcoin

11 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

2 กูรูการเงินโลกเปิดมุมมองเรื่อง Bitcoin โดย Warren Buffet นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ระบุ Bitcoin จะจบไม่สวย "A Bad Ending" หลังจากนักลงทุนเกิดความคลั่งไคล้แห่ลงทุนในตลาด Cryptocurrency ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ Jamie Dimon CEO ของ JPMorgan Bank ได้กลับลำเลิกวิพากษ์สิ่งที่เคยพูดถึง Bitcoin ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ถึงแม้ว่ายังคงไม่ชื่นชอบอยู่ก็ตาม


1. Warren Buffet นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ระบุ Bitcoin จะจบไม่สวย "A Bad Ending" หลังจากนักลงทุนเกิดความคลั่งไคล้แห่ลงทุนในตลาด Cryptocurrency ในปีที่ผ่านมา

Warren Buffet ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ กล่าวว่า กระแสความคลั่งไคล้ต่อ Bitcoin และสกุลเงินดิจิตัล หรือ Cryptocurrency อื่นๆ จะปิดฉากลง และสร้างความเสียหายต่อนักลงทุน สามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่ามันจะจบลงอย่างไม่สวย ส่วนมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไร นั้นไม่รู้ เพราะถ้ามีการซื้อลงทุนเมื่อ 5 ปีที่แล้วคงได้ผลตอบแทนที่ดี แต่มาถึงวันนี้นั้นไม่มีใครรู้ได้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไป



2. ทางด้าน Jamie Dimon CEO ของ JPMorgan Bank ได้กลับลำเลิกวิพากษ์สิ่งที่เคยพูดถึง Bitcoin ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ถึงแม้ว่ายังคงไม่ชื่นชอบอยู่ก็ตาม ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ FOX Business เมื่อวันอังคาร

Jamie Dimon กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ Bitcoin มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐบาลเริ่มที่จะกลัวเมื่อ Bitcoin มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่เขาเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่มีเห็นต่าง เพราะไม่เคยให้ความสนใจใน Bitcoin สักเท่าไร

Jamie Dimon เคยออกมาวิจารณ์อย่างรุนแรงเรื่องของ Bitcoin ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง รวมทั้งราคาที่ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงก็มาจากดารซื้อขายของพวกเทรดเดอร์เท่านั้น โดยไม่มีสินทรัพย์ใดๆ มาสนับสนุน เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยที่เขาจะไล่พนักงานในองค์กรออก หากรู้ว่าพวกเขาแอบซื้อขาย Bitcoin และ Cryptocurrency

แต่ในวันนี้ JPMorgan เตรียมตั้งโต๊ะคาดจะเปิดให้ลูกค้าสามารถเปิดเทรด Bitcoin หรือ Cryptocurrency ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้



3. ทั้งนี้ ตลาด Cryptocurrency ซึ่งมี Bitcoin มีส่วนแบ่งตลาด 70% มีการซื้อขายในปัจจุบันสูงถึง 1,360 สกุลเงิน และมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีการเทรดอย่างร้อนแรงจากราคาที่ถูกสร้างและแรงปั่นให้สูงขึ้นอย่างรุนแรงมากที่สุดในปีที่แล้ว หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นเกือบแตะจุดพีคที่ระดับ 20,000 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 20 เท่าหรือมากกว่า 1,900% ถึงแม้ว่าจะร่วงลงในช่วงปลายปี 2017 โดยเพิ่มขึ้นทั้งปีที่ 1,500% ทั้งที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับในมูลค่าที่แท้จริง

ในที่สุดก็อาจจะล้มหายไป หากไม่มีเม็ดเงินใหม่มาสนับสนุน เนื่องจากการเกิดขึ้นของ Cryptocurrency และ Bitcoin เป็นกระทบมาจากสภาพคล่องทางการเงินที่ท่วมตลาด จากเม็ดเงินการอัดฉีดของบรรดาธนาคารกลางขนาดใหญ่ระดับโลก คือ QE รวมกันมากถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านม นับจากเกิดวิกฤติการเงินและวิกฤติฟองสบู่ซับไพรม์ในสหรัฐแตก



4. อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า ทางการจีนได้สั่งปิดธุรกิจที่ะยายามสร้าง Bitcoin ให้มีขนาดใหญ่เพื่อที่จะกลายเป็น Worlds Supply of Bitcoin ด้วยการเข้มงวดต่อการซื้อขาย Cryptocurrencies ในประเทศจีน

โดยก่อนหน้านี้ ทางการจีนมีพยายามที่จะผลักดันให้มีการ Yuancoin ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินดิจิตัลโดยมีทองหนุนหลังมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้มีสภาพคล่องของเงินหยวนในตลาดการเงินโลกมากขึ้น



5. ในขณะที่ Kodak เปิดตัว Cryptocurrency ของตัวเองมีชื่อเรียกว่า Kodakcoin และมีแผนที่จะเปิดตัวปลายเดือนมกราคมนี้ โดยนับจากการประกาศดังกล่าว ราคาหุ้นของ Kodak ก็พุ่งขึ้นกว่า 120% โดยมีราคาเพิ่มขึ้นจาก 3.10 ดอลลาร์ พุ่งสูงไปที่ 6.80 ดอลลาร์
Kodak ประกาศว่า Cryptocurrency ที่ทาง Kodak เป็นผู้ผลิตนั้นจะเป็นปัจจัยสนับสนุนงบบัญชีดิจิตัลที่ต้องมีการใช้ระบบเข้ารหัส ซึ่งทาง Kodak กำลังร่วมมือกับบริษัท WENN Digital ในการพัฒนาระยะเริ่มต้น เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถรับชำระด้วย Cryptocurrency ผ่านระบบ Blockchain รวมถึงใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ภาพตามที่บริษัทกำหนดได้อีกด้วย

Kodak ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1880 ที่นิวยอร์ก โดย George Eastman เคยเฟื่องฟูในการขาย Film ถ่ายภาพ Film ภาพยนตร์ และกล้องถ่ายรูป ที่มีสัดส่วน 85-90% ในตลาดหสรัฐ แต่เมื่อยุคสมัยเข้าสู่เทคโนโลยีในระบบดิจิตัล Kodak ก็ต้องปิดฉากลงด้วยการล้มละลายในปี 2012 ก่อนที่จะหาหนทางฟื้นตัวภายหลังเมื่อปี 2013 โดยบริษัทจะหันไปมุ่งเน้นที่สื่อการพิมพ์และภาพยนตร์ดิจิตัลมากขึ้นมาแทน

โดยที่การใช้ Blockchain และ Cryptocurrency เข้ามาช่วยในการดำเนินงาน จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับดคลื่อนธุรกิจในการขับเคลื่อนสู่อนาคตได้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ มาทำให้ชุมชนของการถ่ายภาพเกิดความสร้างสรรค์และง่ายต่อบริหารจัดการ

ทั้งนี้ Kodak จะเปิดขาย Token ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิตัลในวันที่ 31 มกราคมนี้ ให้แก่นักลงทุนสหรัฐและแคนาดา รวมถึงนักลงทุนที่ได้รับการรับรองจากประเทศต่างๆ ด้วย

และล่าสุด Eastman Kodak (KODK) กลับมาเป็นยืนโดดเด่นในตลาดหุ้น Wall Street อีกครั้ง โดยที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 300% นับจากวันที่ตกต่ำที่สุด

logoline