ส่วนจำเลย ลูกหนี้ไม่มีอำนาจต่อรองการบังคับคดี ซึ่งฝ่ายจำเลยก็ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอในการชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าว ตามขั้นตอนจำเลยลูกหนี้ คงไม่ต้องแจ้งอะไรเพราะว่าไม่มีทรัพย์สินมาชำระได้ โดยฝ่ายโจทก์ เจ้าหนี้ ก็จะติดตามตรวจสอบดูทรัพย์สินของจำเลยแต่ละรายว่ามีอะไรบ้าง เพียงพอชำระหนี้อย่างไร หากมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าที่จะนำมาขายทอดตลาดได้ ก็จะดำเนินการยึดอายัดมาประกาศขายทอดตลอดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งการติดตามหาทรัพย์สินมาบังคับคดีจะมีเวลาดำเนินการ 10 ปี
แต่ถ้าระหว่างนี้การตรวจสอบชัดเจนว่าจำเลยที่เป็นลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินที่มีมูลค่าจะนำมาขายทอดตลอดชำระหนี้ได้ โจทก์ก็จะยื่นฟ้องเป็นคดีล้มละลายต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้จำเลยที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินนั้นตกเป็นบุคคลล้มละลาย โดยระหว่างขั้นตอนเหล่านี้จำเลยทำได้เพียงว่าหากมีการบังคับคดีไม่ชอบจึงจะยื่นคัดค้านได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการแจ้งบังคับคดีนั้น หนังสือได้ลงนาม โดยอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี 1 ลงวันที่ 25 ธ.ค.60 เเจ้งชำระหนี้ตามคำพิพากษา ที่มีหมายบังคับคดีเเพ่ง คดีหมายเลขดำที่ 6453,6474/2551ถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ , นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือนายรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี , นายนรัญยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง , นายสำราญ รอดเพชร , นายศิริชัย ไม้งาม , นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายเทิดภูมิ ใจดี แกนนำ พธม.
โดยหนังสือเเจ้งชำระหนี้ มีเนื้อหาว่า สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี 1 ได้รับสำเนาหมายการบังคับคดีจากบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด มหาชน (ทอท.)โจทก์ มาดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับคดี จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการเเละพนักงานอัยการ 2553 เเจ้งให้บุคคลทั้ง 13 ราย ชำระหนี้ตามคำพิพากษาของให้จำเลยทั้ง13 คน ร่วมกันชำระหนี้ จำนวน 522,160,947.31บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปีนับเเต่วันที่ 1ธ.ค.51 เเละให้ร่วมกันชำระค่าธรรมเนียมเเละทนายความเเทนโจทก์เป็นเงิน 597,847บาทให้เเก่ ทอท.โจทก์ มิเช่นนั้นโจทก์จะนำพนักงานบังคับคดีไปยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 13 รายขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้เเก่โจทก์
โดยคดีนี้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อเดือน มิ.ย. 58 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ "13 แกนนำ พธม." ร่วมกันชดใช้เงินกว่า 522 ล้านบาท ซึ่งตกคนละประมาณ 40,166,226 บาทเศษ ส่วนจำเลยยื่นฎีกาไม่ทันและไม่สามารถขยายเวลายื่นฎีกาได้ ต่อมา ทอท.โจทก์ จึงได้ขอให้ศาลออกหมายคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยไม่ได้ยื่นฎีกาในระยะเวลา
ทั้งนี้ในส่วนของคดีอาญา ที่อัยการยื่นฟ้องแกนนำและแนวร่วม พธม.รวม 98 ราย ปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ต่อศาลอาญานั้น ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ โดยรอสืบพยานเดือน มี.ค.61 นี้