"ทรัมป์" ทวีต เล่นงาน "ปากีสถาน - อิหร่าน"

ปากีสถานเป็นประเทศแรกที่ทรัมป์ระบายความขุ่นเคือง โดยบอกว่า ไม่ได้ให้อะไรแก่สหรัฐฯเลย นอกจาก "คำโกหกและหลอกลวง" แลกกับเงินช่วยเหลือ 33,000 ล้านดอลลาร์ ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อการร้ายที่สหรัฐฯกำลังกวาดล้างอยู่ในอัฟกานิสถานอีกด้วย

ปากีสถานเป็นหนึ่งใน 16 ชาติ ที่ไม่ใช่สมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการได้รับความช่วยเหลือทางการเงินและเข้าถึงเทคโนโลยีทางทหาร ในฐานะ "พันธมิตรหลัก" ตั้งแต่ปี 2545 แต่ความสัมพันธ์ของสองประเทศเริ่มเสื่อมทรามลงเมื่อปี 2559 ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม ทรัมป์ขู่จะลดความช่วยเหลือปากีสถาน ถ้ายังให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อการร้ายและอาชญากรต่อไป และยังตัดสินใจระงับความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 255 ล้านดอลลาร์ จนกว่าปากีสถานจะแสดงให้เห็นว่า มีการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายมากกว่าที่เป็นอยู่

ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศปากีสถาน ได้ตอบโต้ทวี้ตของทรัมป์ว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือ "ที่ไม่ได้สลักสำคัญ" จากสหรัฐฯ และไม่แคร์ด้วย ถ้าสหรัฐฯจะระงับความช่วยเหลือแก่ "Coalition Support Fund" ที่มอบให้แก่ปากีสถานเพื่อตอบแทนที่สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน

ปากีสถานยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ในเรื่องให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อการร้าย โดยนายกรัฐมนตรีชาฮิด คากัน อับบาซี และเหล่านายทหารระดับสูงของกองทัพ ต่างย้ำว่า ไม่มีที่พักพิงให้ผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน และทั้งประเทศยังคงยึดมั่นในพันธกิจของการกวาดล้างลัทธิก่อการร้าย

ทรัมป์ยังทวี้ตเล่นงานอิหร่านต่อด้วยว่า "กำลังล้มเหลวในทุกระดับ แม้กระทั่งข้อตกลงที่ทำไว้ในสมัยรัฐบาลโอบามา ประชาชนชาวอิหร่านถูกกดขี่มาหลายปี พวกเขาโหยหาทั้งอาหารและเสรีภาพ ไปพร้อมๆ กับสิทธิมนุษยชน ความมั่งคั่งของอิหร่านกำลังถูกปล้น ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว"นับเป็นทวี้ตล่าสุด หลังจากทวี้ตก่อนหน้านี้

ได้จุดกระความไม่พอใจและการตอบโต้อย่างรุนแรงจากประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ที่บอกว่า ใครก็ตามที่เรียกอิหร่านว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ไม่มีธรรมสิทธิ์ในการออกมาปกป้องสิทธิ์ของตน และการประท้วงที่เกิดขึ้นในอิหร่าน เป็นผลมาจากการแทรกแซงของต่างชาติ ที่ต้องการจะบั่นทอนเสถียรภาพของอิหร่าน

อิหร่าน เผชิญการประท้วงทั่วประเทศมาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม โดยเริ่มตั้งแต่การแสดงความไม่พอใจปัญหาเศรษฐกิจ ก่อนจะลุกลามเป็นปัญหาการเมือง ซึ่งผู้ประท้วงมีทั้งฝ่ายต่อต้านและสนับสนุนรัฐบาล และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 10 คน