ซึ่ง ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการไต่สวนและยื่นฟ้องเป็นคดีฐานจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.หรือจงใจยื่นบัญชีฯด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยต้องเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้นอกจากกรณีทีอาจมีลักษณะจงใจยื่นบัญชีฯด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบแล้ว ยังอาจเข้าข่าย "การร่ำรวยผิดปกติ" ตามมาตรา 66
อีกด้วยเนื่องจากตามเอกสารบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินซึ่งพล.อ.ประวิตรได้รายงานไว้ต่อ ป.ป.ช.เมื่อครั้งเจ้ารับตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2557 นั้นพบว่ามีบัญชีเงินฝากในธนาคารมากถึงกว่า 53 ล้านบาทซึ่งรวมทรัพย์สินอื่น ๆ แล้วมีมูลค่ามากกว่า 87 ล้านบาทซึ่งไม่ปรากฏที่มาของเงินในบัญชีธนาคารและทรัพย์สินอื่น ๆ ทั้งนี้หากจะประมาณการจากการที่พล.อ.ประวิตรรับราชการทหารมาประมาณ 40ปีและเป็นนักการเมืองมา 2 สมัยและไม่ได้มีธุรกิจใดๆเลยนั้นก็ไม่น่าที่จะมีรายได้มากมายถึงขนาดนี้
กรณีดังกล่าวเพื่อทำความจริงให้ปรากฏสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช. ตามที่รธน.2560 มาตรา 234(1)(3) ประกอบมาตรา 195 บัญญัติให้ทำการไต่สวนและหากพบความผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายสูงสุด เช่นเดียวกันกับหลาย ๆ กรณีที่ ป.ป.ช.เคยวางบรรทัดฐานมาแล้ว เช่นกรณีคดีซุกหุ้นนายทักษิณ ชินวัตร คดีเงินกู้ 45 ล้านบาท ของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นต้น ซึ่งกรณีนี้จะเป็นบทพิสูจน์อำนาจหน้าที่และการกระทำของ ป.ป.ช.ชุดนี้ด้วยว่าจะปฏิบัติหน้าที่แข็งขันได้เป็นที่ประทับใจประชาชนได้ดีในยุค"ปฏิรูป" นี้ได้หรือไม่ด้วย โดยสมาคมฯจะไปยื่นคำร้องในวันพฤหัสที่ 7 ธ.ค.2560 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถ.สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี