จับตา การสรรหา "กกต."

โดยประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พรเพชร วิชิตชลชัย ในฐานะกรรมการสรรหา กกต. บอกว่า คุณสมบัติของผู้สมัครเป็นไปตามกฎหมาย และจากที่หลายคนตกคุณสมบัติ คือ การดำรงตำแหน่งอธิบดี หรือ หัวหน้าส่วนราชการ น้อยกว่า 5 ปี และอีกประเด็นที่บางคนตกคุณสมบัติ คือ การถือหุ้นในสื่อ ที่เป็นลักษณะต้องห้าม ส่วนการสรรหาในวันนี้ จะได้ครบตามจำนวนหรือไม่ ยังไม่ทราบ ขณะที่ จะมีการเสนอรายชื่อจากคณะกรรมการสรรหาด้วยตัวเองหรือไม่ นายพรเพชร บอกว่า ยังไม่มีประเด็นพูดกันในเรื่องนี้ ซึ่งวันนี้จะฟังวิสัยทัศน์ หากมีเวลา ก็จะพิจารณา ส่วนวันนี้จะสามารถเลือกรายชื่อ 5 คนได้เลยหรือไม่ ก็ยังไม่สามารถตอบได้ ขณะเดียวกัน หากไม่สามารถสรรหา 5 คนได้ แนวทางคือ ต้องสรรหาใหม่ และหากถึงกำหนด 12 ธ.ค.นี้ ยังสรรหาได้ไม่ครบ ก็ต้องส่งรายชื่อเท่าที่ได้ไปก่อน นอกจากนี้ จากที่มีผู้ตกคุณสมบัติ ก็ได้มีผู้ร้องเรียนเข้ามา โดยก็จะมีการพิจารณาประเด็นนี้ หากร้องเรียนมีความถูกต้อง ก็จะต้องแก้ไขให้ 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีผู้สมัครเข้ารับการสรรหา กกต. 41 คน แต่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญเพียง 15 คนนั้น สาเหตุเกิดจากคณะกรรมการสรรหา กกต. ได้ยึดตามหลักการคุณสมบัติที่เขียนไว้เข้มข้น โดยตรวจสอบเเล้วพบว่า ส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการติดต่อกันไม่ถึง 5 ปี ตามที่บัญญัติไว้ นอกจากนี้ การพิจารณายังยึดไปตามคำอภิปรายของสมาชิก สนช. เมื่อครั้งพิจารณากฎหมายลูกว่าด้วย กกต.ว่า สำหรับหัวหน้าส่วนราชการหมายถึง ผบ.ตร.คนเดียว ส่วนทหารต้องเป็น ผบ.เหล่าทัพ ในขณะที่สายข้าราชการพลเรือน เช่น ผู้ว่าฯ ถือว่าเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ที่ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงเป็นเหตุผลให้คนดัง อาทิ อดีตรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา / กรรมการ กสทช. พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ / รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ธวัชชัย ไทยเขียว  / อดีตผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช  พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ตกคุณสมบัติ