เมื่อมีการระบุเช่นนั้น จึงทำให้ตนเกิดความสนใจ และได้ติดต่อไปยังบริษัทดังกล่าว เพื่อสมัครเป็นตัวแทนเปิดแฟรนไชส์ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยทางบริษัทฯ จะเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ทั้งหมด ส่วนตนเองจะมีหน้าที่ในการบริหารจัดการสาขาเพียงเดียว โดยจะได้รับค่าตอบแทนคิดเป็นร้อยละ 10 จากยอดคะแนนของสาขา ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ในแต่ละเดือน แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ตนจะต้องยอมวางเงินประกันในการเปิดแฟรนไชส์กับทางบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท และจะได้รับเงินค่าประกันดังกล่าวกลับคืน ก็ต่อเมื่อมีการยกเลิกสัญญาแฟรนไชส์ไปแล้ว ทั้งนี้ หลังจากบริหารครบ 1 ปี ตนจึงได้ตอบตกลงและทำสัญญาเปิดแฟรนไชส์กับบริษัทดังกล่าว
น.ส.เกศณี กล่าวต่อไปว่า กระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ตนได้ทราบเรื่องว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่วิชาการเกษตร เข้าทำการตรวจสอบโรงงานผลิตปุ๋ยแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครปฐม และพบปุ๋ยปลอมไม่ได้มาตรฐานเป็นจำนวนมาก ซึ่ง 1 ในนั้นมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของบริษัทฯแห่งนี้ รวมอยู่ด้วย อีกทั้งในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ทางบริษัทก็ได้โทรศัพท์มาบอกตนให้ทำการย้ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของบริษัท ออกจากศูนย์ไปเก็บไว้ที่อื่น ตนและตัวแทนแฟรนไชส์รายอื่นๆอีก 15 สาขา จึงเริ่มไม่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายของบริษัทฯ ว่าผ่านมาตรฐานจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ และต้องการที่จะยกเลิกสัญญาแฟรนไชส์ และขอเงินประกันกลับคืนสาขาละ 1 ล้านบาท รวม 15 สาขา คิดเป็นมูลค่ารวม 15 ล้านบาท แต่ทางบริษัทฯ กลับบ่ายเบี่ยงที่จะคืนเงินประกันให้ตามที่ตกลงกันไว้ ตนและผู้เสียหายรายอื่นๆ จึงได้รวมตัวกันมาแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามในวันนี้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมกับทำการสอบปากคำผู้เสียหายไว้ในเบื้องต้น เพื่อประกอบการพิจารณาร่วมกับหลักฐานอื่นๆ ก่อนจะนำเรื่องดังกล่าวส่งต่อไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป