พระไตวาย มรณภาพ ขึ้นอืดในกุฏิ

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 3 สิงหาคม ร.ต.อ.สุสันต์ เสมาฉิม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้รับแจ้งเหตุพระมรณภาพในกุฎิชั้น 2 ห้องที่ 4 ภายในวัดบาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบสภาพภายในกุฏิมีสิ่งของขวดน้ำ กระติกน้ำร้อน พัดลม จีวร ผ้าอาบน้ำฝน หนังสือ จตุปัจจัยที่ญาติโยมนำมาถวายวาง กองไม่เป็นระเบียบจนแทบไม่มีทางเดิน ที่ท้ายห้องมีร่างของพระลูกวัดนอนหงายสภาพศพขึ้นอืด ส่งกลิ่นคละคลุ้งอย่างรุนแรง เนื่องจากมรณภาพมาแล้วหลายวัน คาหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่หว่างขา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบว่าไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือว่าการต่อสู้ภายในห้องพบแต่เพียงถุงยาวิตามินบำรุงร่างกายอยู่หลายถุง หลังจากตรวจที่เกิดเหตุแล้วพนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้หน่วยกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน เคลื่อนย้ายศพออกจากที่เกิดเหตุส่งให้นิติเวชโรงพยาบาลกำแพงเพชรชันสูตรสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
นางทิพย์มณี แสงประดับ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ถนนปิ่นดำริห์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร มารดาของพระที่เสียชีวิตและพี่น้องของพระได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ได้ขอเจ้าหน้าที่เข้าไปดูศพของพระลูกชาย เมื่อขึ้นไปดูยังห้องกุฎิชั้นสองที่เกิดเหตุ ก็ต้องร่ำให้เป็นลม เจ้าหน้าหน่วยกู้ภัยได้ช่วยประคองพยุงลำตัวลงมาจากห้อง
หลังจากตั้งสติได้แล้ว มารดาของพระที่เสียชีวิตเปิดเผยว่า ลูกชายชื่อนายกรุณา แสงประทีป อายุ 40 ปี บวชเรียนมา 7 พรรษา เพิ่งเริ่มมีอาการป่วยเป็นโรคไต เบาหวานและความดัน ซึ่งได้นำตัวไปรักษายังโรงพยาบาลในกำแพงเพชรและจะนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดพิษณุโลก แต่ก็มรณภาพไปก่อน อย่างไรก็ตาม สาเหตุเบื้องต้นของการมรณภาพครั้งนี้น่าจะมาจากไตวาย
จากการให้การของพระลูกวัดด้วยกันทราบว่า พระกรุณาปิดประตูห้องอยู่หลายวันและก่อนหน้านั้นพระในวัดได้เห็นพระกรุณามีใบหน้าบวม เวลาเดินก็ไม่มีแรงต้องหาที่เกาะพยุงตัวเคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆ ต่อมาในวันนี้ที่ห้องกุฏิชั้นล่างตรงกับห้องของพระที่เสียชีวิตชั้นสองพื้นห้องเป็นกระดาน ปรากฏว่าที่บริเวณฝ้าเพดาน มีน้ำไหลเยิ้มมาที่ผนังและหยดที่กลางห้อง มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง พระลูกวัดจึงได้ขึ้นไปดูที่ห้องของพระกรุณาที่เสียชีวิต และได้พังประตูเข้าไปดูก็พบว่าพระกรุณานั้นนอนมรณภาพขึ้นอืด จนน้ำเหลืองไหลเยิ้มไปทั่วห้อง ไหลซึมทะลุพื้นกระดานไปยังฝ้าเพดานห้องที่อยู่ด้านล่าง จนทำให้พระห้องดังกล่าวไม่สามารถที่จะอาศัยจำวัดอยู่ต่อไปได้ ต้องย้ายไปอาศัยพระด้วยกันอยู่ที่กุฏิห้องอื่น และต้องรื้อฝ้าเพดานเพื่อที่จะทำความสะอาดจากน้ำศพ และคาดว่าในพรรษานี้จะไม่พระรูปใดเข้าไปจำวัดยังกุฏิสองห้องนี้อย่างแน่นอน