svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

อัยการพร้อมบินรับตัว "เณรคำ" กลับไทย

16 กรกฎาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทีมงานอัยการ ทราบผลคำสั่งของศาลแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ที่สั่งให้ส่งตัวนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระภิกษุชื่อพระวิรพล ฉัตติโก ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ เณรคำ อดีตประธานสงฆ์ สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้กลับไทยแล้ว และในวันนี้อัยการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้เดินทางไปยังแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ แล้วเพื่อรอรับตัว เณรคำ กลับประเทศไทยแต่ทั้งนี้ต้องดูว่า เณรคำ จะใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของแคลิฟอร์เนียหรือไม่ คาดว่าในสัปดาห์หน้าน่าจะทราบผลเพราะครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ ซึ่งทีมอัยการจะมีการแถลงชี้แจงขั้นตอนต่างๆ ต่อสื่อมวลชนต่อไป

ทั้งนี้ นายอำนาจ ยังได้กล่าวถึงคดีอาญาที่ดีเอสไอส่งสำนวนกล่าวหาเณรคำ ด้วยว่า อัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องไปเรียบร้อย ถ้าสามารถนำตัวกลับมายังประเทศไทยได้ ดีเอสไอก็จะนำตัวมาสอบปากคำ เณรคำ ว่าจะรับสารภาพหรือปฎิเสธ เเล้วก็ส่งตัวไปที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งได้มีการประสานเรื่องคำฟ้องไว้เเล้ว หากดีเอสไอส่งตัวมาเราสามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันที ส่วนอัยการจะคัดค้านประกันตัวหรือไม่ ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการสำนักงานคดีพิเศษว่าจะพิจารณาอย่างไร และถ้าฟ้องแล้วก็จะเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งหน้าที่ของสำนักงานต่างประเทศนั้นดำเนินการเฉพาะการประสานตัวมาให้
สำหรับคดีเณรคำนั้น อัยการได้รับสำนวนคดีจาก ดีเอสไอตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.56 ซึ่งมีเอกสารหลักฐานร่วม 216 หน้า ประกอบความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ อายุ 38 ปี รวม4 ข้อหา ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่ออนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาไปเพื่อการอนาจาร เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279, 283 ทวิ วรรค 2 และ 317 ขณะที่ระหว่างนั้นดีเอสไอ ก็ได้รวบรวมหลักฐานเสนอศาลอาญาขอออกหมายจับนายวิรพล อดีตพระเณรคำ โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับในปี 2556
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ได้เคยเล่าถึงที่มาของเรื่องนี้ว่าร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ในฐานะ ผู้ประสานงานกลาง ตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 ได้รับคดีการขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน อดีตพระเณรคำจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และทางอัยการได้ยื่นคำร้องพร้อมพยานหลักฐานต่างๆ ต่อทางการสหรัฐฯ ขอให้ดำเนินการส่งตัว อดีตพระเณรคำ ซึ่งถูกกล่าวหาฉ้อโกง , กระทำชำเราผู้เยาว์ และฟอกเงิน และสำนักงานอัยการต่างประเทศ ได้ประสานกับทางการสหรัฐฯมาโดยตลอด ตามขั้นตอนของกฎหมาย จนในที่สุดก็สามารถติดตามจับกุมอดีตพระเณรคำได้ โดยไทยและสหรัฐฯ มีความร่วมมือต่อกันในสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นอกจากนี้ เณรคำ ยังโดนคดีในทางแพ่งซึ่งเป็นคดีฟอกเงินอีกด้วย โดยคดีดังกล่าวอัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้ทรัพย์สินของนายวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก กับพวก รวม 8 คน หลายรายการรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
คดีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากหลวงปู่เณรคำถูกตั้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน และพรากผู้เยาว์ ทำให้ ดีเอสไอ แจ้งดำเนินคดี ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับกฎหมายการฟอกเงิน ด้วย ซึ่งคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ส่งสำนวนให้อัยการ ยื่นคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ประกอบด้วย ที่ดิน บ้าน บัญชีเงินฝาก และรถยนต์ หลายสิบล้านบาท ที่ ปปง.อ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด

logoline