ชาวเชียงใหม่แนะนายกฯ ลงจากตำแหน่งมาพักเหนื่อย

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.วันที่ 12 มิถุนายน ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายศเนติ จิรภาสอังกูร ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดให้ประชาชนเข้าแสดงความเห็นใน 4 คำถามของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในวันแรก มีประชาชนเดินทางเข้ามาแสดงความคิดเห็นค่อนข้างบางตาเนื่องจากบางคนอาจจะยังไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้ เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีประชาชนเดินทาเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีประชาชนสนใจโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม และบางส่วนเข้ามาขอแบบฟอร์มออกไปบ้างแล้ว และเชื่อว่าจะมีประชาชนบางส่วนที่ดาวน์โหลดเอกสารผ่านมาอินเตอร์เน็ต โดยคาดว่าหลังจากวันนี้ไปจะเริ่มมีประชาชนนำแบบฟอร์มทั้งจากที่มาขอที่ศูนย์ดำรงธรรม และจากการดาวน์โหลดผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเข้ามาส่ง เพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป โดยได้แจ้งให้ทางอำเภอต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่รวบรวมส่งเข้ามาภายในวันที่ 23 มิถุนายน 2560

หลังจากนั้นทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ จะทำการประมวลผลเบื้องต้น ส่งเข้าไปยังส่วนกลางภายในวันที่ 30 มิถุนายน ถือเป็นรอบแรกในการส่งข้อมูล และจะดำเนินการสรุปข้อมูลส่งเข้ากระทรวงมหาดไทยทุกๆ 10 วันต่อไป สำหรับการการเก็บรวบรวมข้อมูลแสดงความคิดเห็นของประชาชนนั้นยังไม่มีกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจนออกมา ขณะนี้จึงจะดำเนินการจัดเก็บไปจนกว่าจะมีคำสั่งยุติการรวบรวมข้อมูล

นายอุดม อมยิ้ม อายุ 69 ปี ชาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้ามาขอแบบฟอร์มแสดงความคิดเห็น 4 ข้อ กล่าวว่าตั้งใจเดินทางเข้ามาในเมืองด้วยตนเอง เพื่อมาตอบคำถามทั้ง 4 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี เพื่อต้องการสะท้อนความเห็นในฐานะประชาชน ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการตั้งคำถาม เพราะเชื่อว่าจะนำไปสู่การบริหารจัดการประเทศอย่างเป็นระบบในอนาคต

อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า อยากให้ลงจากตำแหน่งเพราะตอนนี้เหนื่อยมากแล้ว ให้ลงมาพักเหนื่อยแล้วลงเลือกตั้งตามกระบวนการ เชื่อว่าคนไทยร้อยละ 70 - 80 ยังวางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา บริหารประเทศ แม้จะมีคนไม่ชอบที่พูดจาไม่เพราะ แต่ก็ถือว่าเป็นคนตรงไปตรงมาและพูดจริงทำจริง

ส่วนการแบบฟอร์มที่มีการระบุชื่อ นามสกุล และ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ไม่กังวลว่าภาครัฐจะนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือภาครัฐจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลของประชาชน เนื่องจากมองว่าหากรัฐจะดำเนินการใดๆ จากเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ที่ประชาชนแต่ละคนถืออยู่ ก็สามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องมาให้กรอกแสดงความคิดเห็นเพื่อต้องการเลข 13 หลัก แต่ที่ต้องมีการระบุเลขบัตรประชาชน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการแอบอ้าง และเป็นการยืนยันตัวตนเท่านั้น

ด้านนาย ธนโชติ นาคแก้ว อายุ 63 ปี ชาว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรี เปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น ถือว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างหนึ่ง เป็นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจริงๆ จึงอยากที่จะให้ทุกคนช่วยกันแสดงความคิดเห็นกับคำถามทั้ง 4 ข้อ เพื่อเป็นข้อมูลให้รัฐบาลบริหารจัดการ การที่ประเทศไทยมีรัฐบาลที่บริหารงานโดยทหารในช่วงนี้ ส่วนตัวเห็นว่าเป็นการดีที่จะขจัดนักการเมืองที่จะเข้ามาโกงกินบ้านเมืองให้หมดไปก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ประเทศไทยโชคดีที่มีทหารหากไม่มีทหารไม่รู้ว่าประเทศจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องให้กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ในแบบฟอร์มแสดงความคิดเห็น ไม่กังวลอะไร คิดว่าเป็นการยืนยันตัวตนเท่านั้น หากไม่กรอกอาจจะมีการแอบอ้าง หรือมีการกรอกข้อมูลซ้ำหลายรอบ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการรวบรวมข้อมูลแสดงความคิดเห็น